การหายใจมี 2 แบบ คือ การหายใจด้วยกล้ามเนื้อซี่โครง ( Costal หรือ Chest Breathing ) และการหายใจด้วยการใช้
กล้ามเนื้อกระบังลม ( Abdominal Breathing )
ปกติคนเราจะหายใจด้วยการใช้กล้ามเนื้อซี่โครงเป็นหลัก คิอเวลาหายใจเข้าหน้าอกจะขยายตัวและหน้าท้องจะยุบ
เวลาหายใจออกหน้าอกจะยุบและหน้าท้องขยายตัวหรือพองออก เวลาวิ่งเร็วๆและวิ่งนานๆจะจุกเสียดชายโครงได้ง่าย
ถ้าฝึกหายใจด้วยกระบังลม เหมือนการฝึกหายใจในการร้องเพลง คือเวลาหายใจเข้าจะใช้กล้ามเนื้อกระบังลม
คือกล้ามเนื้อกระบังลมจะเคลื่อนตัวลงทำให้ลมเข้าไปในปอด หน้าท้องจะพองหรือขยายตัว ( พุงป่อง ) และเวลาหายใจออก
กล้ามเนื้อกระบังลมจะเคลื่อนตัวขึ้น พุงจะยุบ วิธีการหายใจแบบนี้จะทำให้ไม่จุกเสียดชายโครงถ้าวิ่งนานๆ
แต่ถ้าวิ่งเร็วมากๆจนหายใจไม่ทันเป็นคนละเรื่องนะครับ แบบนั้นต้องลดความเร็วลงครับจนหายใจได้สบาย
การหายใจแบบนี้จะไม่เหมือนกับที่เราหายใจปกติ เลยต้องฝึกนะ เหมือนที่นักร้องฝึกในการร้องเพลง
อยู่ว่างๆก็ฝึกไว้นะ อย่างน้อยถึงวิ่งไม่เก่งก็จะทำให้ร้องเพลงได้ดีขึ้น
การหายใจควรเป็นไปโดยธรรมชาติ หายใจเข้าออกผ่านจมูก แต่ถ้าอยู่ในการช่วงที่ฝึกเพื่อพัฒนาความเร็ว
( Fartlek หรือ Interval ซึ่งเป็นการฝึกปอดและหัวใจ ) อาจจะมีช่วงที่ฝึกหนักถึง 80-90 % ของอัตราเต้นสูงสุดของหัวใจ
อาจจำเป็นต้องหายใจผ่านปากด้วย แต่ถ้าเป็นการวิ่งปกติแล้วถ้าหายใจไม่ค่อยทันแสดงว่าวิ่งเร็วเกินไป ก็คงต้องผ่อน คือลดความเร็วลง
ตามปกติแล้วถ้าวิ่งไปได้สักพักจังหวะการหายใจจะปรับเข้ากับจังหวะการวิ่งเอง ซึ่งจะเป็นช่วงจังหวะที่เรารู้สึกว่าลงตัวและ
รู้สึกสบาย ของผู้เขียนเองถ้าวิ่งช้าก็จะเป็นจังหวะ 3:3 ( หายใจเข้า 3 ก้าว หายใจออก 3 ก้าว ) แต่ถ้าวิ่งเร็วจังหวะจะเปลี่ยนเป็น
2:2 เวลาอยู่ว่างๆก็สามารถฝึกหายใจด้วยกระบังลมได้ ขอให้สนุกกับการวิ่งนะ
|