[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ติดต่อสอบถาม
blog สมาชิก
สถิติผู้เขียน blog 10 อันดับ
wave
[ มือใหม่ ]
2
admin
[ มือใหม่ ]
2
orean
[ มือใหม่ ]
2
KAT
[ มือใหม่ ]
1
yuy
[ มือใหม่ ]
1
aTon
[ มือใหม่ ]
1
fang
[ มือใหม่ ]
1
film
[ มือใหม่ ]
1
mild
[ มือใหม่ ]
1
Donus
[ มือใหม่ ]
1
บทความ blog ล่าสุดโดย
เพลงคริสต์มาสtortae
การดูแลรักษาสุภาพ ให้แข็งแรงaTon
ประเพณีวันเข้าพรรษาmild
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
อาเซียนDonus
การวาดภาพสีนำ้lovepop-123456
อาเซียนmikekung02
ลดความอ้วนสูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์yuy
ปรากฏการณ์ธรรมชาติMin-Mintra
ไลน์ โรงเรียนศรัทธาฯ

ติดต่อ สอบถาม

poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก

  

   เว็บบอร์ด >> >>
"เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้" ดาวจรัสแสงที่ทำให้เรอัล มาดริดต้องเมินป็อกบา  VIEW : 583    
โดย triangle

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 212
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 11
Exp : 77%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 184.22.145.xxx

 
เมื่อ : พุธ ที่ 15 เดือน เมษายน พ.ศ.2563 เวลา 12:36:50   

"เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้" ดาวจรัสแสงที่ทำให้เรอัล มาดริดต้องเมินป็อกบา
 


เรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโลกมากมาย และเป็นทีมที่มีนโยบายการทุ่มซื้อผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์เข้ามาเสริมทัพเป็นหลัก อย่างไรก็ตามในระยะหลัง "ราชันชุดขาว" ได้เน้นการให้โอกาสกับผู้เล่นดาวรุ่งขึ้นมามีบทบาทในทีมชุดใหญ่มากยิ่งขึ้น ซึ่งก็แจ้งเกิดให้เห็นแล้วมากมาย โดย เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ มิดฟิลด์ชาวอุรุกวัยเป็นหนึ่งในนั้น หลังก้าวขึ้นมามีบทบาทในทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้
    วัลเวร์เด้ ย้ายจาก สโมสรเพนาโรล ในบ้านเกิดมาอยู่กับทีมเยาวชนของ เรอัล มาดริด ในปี 2016 ด้วยวัย 18 ปี ซึ่งในเวลานั้นเขาถือเป็นดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองสุดๆมีทั้ง บาร์เซโลน่า, แมนฯ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และ เชลซี ตามให้ความสนใจแต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะมาเล่นให้ "ราชันชุดขาว"
    ดาวเตะวัย 21 กะรัต ใช้เวลาเพียง 2 ปีกับทีมกาสตีย่า และ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า (ยืมตัว) ก่อนจะถูก ฆูเลน โลเปเตกี กุนซือในเวลานั้นเรียกติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2018 โดยมีโอกาสลงเล่น 25 เกมทุกรายการ

    อย่างไรก็ตามเพียงระยะเวลาสองปีในทีมชุดใหญ่เจ้าตัวได้สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในยุคของ ซีเนดีน ซีดาน ได้ทันที จากสถิติ 2 ประตู 4 แอสซิสต์ จาก 22 เกมใน ลา ลีกา มันบ่งบอกถึงความยอดเยี่ยมในตัวเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อนำสถิติไปเทียบกับแข้งรุ่นใหญ่ในแผงมิดฟิลด์ของทีมแล้ว วัลเวร์เด้ แทบไม่ได้เป็นรองเลยทั้งจำนวนการทำประตู และแอสซิสต์

    "ผมมีความสุขกับฟอร์มการเล่นของเขามาก เขาเป็นผู้เล่นที่มักจะพิสูจน์ตัวเองเสมอว่ามีดีแค่ไหน วัลเวร์เด้ ถือเป็น เขาเป็นผู้เล่นยุคใหม่ที่มีกลไกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมันไม่ใช่แค่เกมรุกเท่านั้น เพราะเขาทำงานในเกมรับมากเช่นกันและนั่นคือเรื่องสำคัญสำหรับเกมยุคปัจจุบัน" ซีดาน เคยออกมากล่าวยกย่องผลงานของ วัลเวร์เด้

    วัลเวร์เด้ คือมิดฟิลด์ไดนาโมหรือสไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่วิ่งขึ้นวิ่งลงได้ตลอดทั้งเกม แถมยังมีทีเด็ดจากลูกยิงแถวสองซึ่งกลายเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ในตอนนี้แล้ว และด้วยสไตล์การเล่นดังกล่าวทำให้เขาถูกสื่อนอกนำไปเปรียบเทียบกับ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด หรือ ปอล ป็อกบา เลยทีเดียว

    "ผมทำงานมาตลอดชีวิตเพื่อมาถึงช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ในอดีตผมเคยกลัวที่จะทำผิดพลาด แต่วันนี้ผมรู้สึกเหมือนว่าอยู่บ้านและเป็นส่วนหนึ่งของทีม ผมสบายใจขึ้นมาก ซีดาน ให้ความมั่นใจในตัวผม ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการกล้าส่งเด็กอายุ 21 ปีที่มีประสบการณ์น้อยลงเล่นในเกมยาก เขาบอกผมว่าต้องทำอะไรและคาดหวังอะไรจากผม เขาให้ผมเก็บบอลและหากมีโอกาสก็ให้พยายามทำประตู ผมปรับตัวได้แต่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของผมคือเบอร์ 8 ผมขยับขึ้นหน้าได้มากขึ้นแต่หลายครั้งที่ผมถูกเลือกลงสนามก่อนหน้าคาเซมิโร่" วัลเวร์เด้ กล่าวถึงฟอร์มการเล่นของตัวเอง

    หากจะพูดถึงแมตช์ที่เขาสร้างชื่อจนทำให้สายตาแฟนบอลหลายคนต่างจับจ้องมาที่เขานั่นก็คือเหตุการณ์ที่เจ้าตัวพุ่งเสียบสกัดจากด้านหลังใส่ อัลบาโร่ โมราต้า กองหน้า แอต.มาดริด ที่กำลังจะโซโล่เดี่ยวเข้าไปพังประตู ในช่วงต่อเวลาพิเศษของเกมซูเปร์โกปา นัดชิงชนะเลิศ แม้สุดท้ายเขาจะโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม แต่กลับได้รับเสียงชื่นชมถึงการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม เพราะมิเช่นนั้นแล้วทีมอาจจะเสียประตูจากจังหวะนี้ ก่อนที่สุดท้าย "ราชันชุดขาว" จะยื้อไปได้ถึงการดวลจุดโทษและเอาชนะไปได้ เถลิงแชมป์ไปครองได้สำเร็จ   

  ผลการกระทำของ วัลเวร์เด้ ถูกยกให้เป็นจุดเปลี่ยนของเกมนี้อย่างแท้จริง แม้กระทั่ง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือ แอต.มาดริด ก็ถึงขั้นออกมาชื่นชมเช่นกัน "มันเป็นจังหวะการเล่นที่สำคัญสุด ผมบอกกับ บัลเบร์เด้ ว่าเขาทำในสิ่งที่ต้องทำในเวลานั้น และคิดว่าเขาควรได้รางวัลนักเตะที่มีสัญชาตญาณดีสุด เพราะ บัลเบร์เด้ ตัดสินเกมจากจังหวะนี้"
    การไต่ระดับขึ้นมาของมิดฟิลด์จอมบู๊รายนี้ถือเป็นการก้าวขึ้นมาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ สอดขึ้นมาทดแทน ลูก้า โมดริช ที่สภาพร่างกายเริ่มโรยราลงไปผลงานไม่ได้โดยเด่นเหมือนช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้อย่างไร้ข้อกังขา เขาลงเล่นแดนกลางร่วมกับรุ่นพี่อย่าง คาเซมิโร่ และ โทนี่ โครส ได้แบบเข้าขารู้ใจสุดๆ และมันส่งผลกระทบต่อทีมอย่างชัดเจนเมื่อไม่มีเขาอยู่ในสนาม

    จนถึงตอนนี้น่าจะพูดได้เต็มปากแล้วว่า วัลเวร์เด้ คือแข้งอนาคตของ เรอัล มาดริด ที่ไม่ต้องการจะปล่อยหลุดมือไป หลังมีรายงานว่าพวกเขาตั้งค่าหัวไว้สูงถึง 500 ล้านยูโร

    หากสุดท้าย เรอัล มาดริด จะล้มเลิกแผนการคว้าตัว ปอล ป็อกบา ที่ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงอย่างหนัก คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะการมี วัลเวร์เด้ อยู่ในทีมมันก็น่าจะเพียงพอแล้ว...

anandasmetal.com