"ถึงเพื่อนๆ และครอบครัวเชลซีของผม ตอนนี้พวกคุณรู้แล้วว่าผมจะย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ไม่มีอะไรที่เป็นความลับเพราะนี่คือฝันของผมที่จะได้เล่นให้กับพวกเขานับตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็กวัยรุ่น ฝันแรกของผมคือการได้กลายเป็นนักเตะเชลซี และวันนี้ฝันที่สองคือการได้กลายเป็นนักเตะ เรอัล มาดริด"
เอแด็น อาซาร์ เคยให้สัมภาณ์ หลังเตรียมย้ายจาก เชลซี เพื่อไปเล่นให้ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันของเจ้าตัว อย่างไรก็ตามใครจะเชื่อว่าอีกหลายเดือนถัดมาเส้นทางลูกหนังกับ "ราชันชุดขาว" กลับไม่ได้ถึงครึ่งอย่างที่คาดหวังเอาไว้เลย
อาซาร์ ย้ายมาจาก เชลซี ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,600 ล้านบาท) ในช่วงซัมเมอร์ปีที่ผ่านมา แต่ใครจะเชื่อว่าปีแรกในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ต้องเจออุปสรรคประสบปัญหาอาการบาดเจ็บตามเล่นงานต่อเนื่อง จนส่งผลต่อผลงานในสนามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้จนถึงตอนนี้เจ้าตัวลงเล่นให้ "ราชันชุดขาว" รวมทุกรายการแค่ 15 นัดเท่านั้น และยิงได้แค่ลูกเดียวกับทำอีก 2 แอสซิสต์ ทั้งที่ฤดูกาลสุดท้ายกับ "สิงห์บลูส์" เขากระซวกไปถึง 21 ประตู จากการลงเล่น 52 นัด
"ฤดูกาลแรกของผมที่ มาดริด ถือว่าแย่เลยล่ะ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด มันเป็นฤดูกาลแห่งการปรับตัว ดังนั้นผมจะถูกตัดสินแบบจริงๆ จังๆ ในซีซั่นที่สอง ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับผมเอง ที่จะต้องกลับมามีสภาพร่างกายที่พร้อมสำหรับฤดูกาลหน้า" อาซาร์ ยอมรับสุดผิดหวังกับผลงานของตนในซีซั่นแรกกับทีม แต่ชี้ซีซั่นหน้าคือบทพิสูจน์ของจริง
แน่นอนการมาของ อาซาร์ ได้รับการคาดหวังจากทั้งท่านประธาน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ และแฟนบอล ไว้ค่อนข้างสูง โดยวางเข้ามาเป็นแข้งเบอร์ 7 คนใหม่เพื่อเป็นตัวแทนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ชาวโปรตุกีสที่ย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส ในปี 2018 "การเข้ามาสวมเสื้อตัวนี้ต่อจาก คริสเตียโน่ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเขาคือแข้งประวัติศาสตร์"
อาซาร์ กล่าวหลังมาถึงสเปน และเรื่องดังล่าวมันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคำพูดของ อาร์แซน เวนเกอร์ ขงเบ้งเลือดน้ำหอมที่เคยกล่าวเอาไว้นั้นเป็นจริง
"เขาจะเป็นคำตอบ (ของ เรอัล มาดริด) แต่เขาไม่ใช่ตัวตายตัวแทนของ โรนัลโด้ อย่างแน่นอน อาซาร์ ไม่ใช่นักเตะที่ยิง 50 ประตูต่อฤดูกาล เพราะตอนนี้พวกเขาเล่นฟุตบอลด้วยแนวทางที่แตกต่างออกไป เรอัล มาดริด ต้องการกองหน้าตัวจบสกอร์เข้ามาเพิ่ม และหากพวกเขาได้ผู้เล่นที่อายุน้อยมาช่วยเรื่องทำประตู บางทีพวกเขาก็อาจจะมีผลงานที่ดีก็ได้ ผมคิดว่า เรอัล ยังไม่ได้เห็น อาซาร์ ที่แท้จริง สภาพร่างกายของเขายังไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเจอ อาซาร์ ที่แท้จริงในอนาคต"
นอกจากอาการบาดเจ็บที่ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของ อาซาร์ ที่ทำให้ส่วนใหญ่ในฤดูกาลนี้ต้องนั่งดูเพื่อนลงเล่น ซึ่งเรื่องสภาพร่างกายคืออีกหนึ่งปัจจัยที่เขาถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่อย้อนไปในช่วงปรีซีซั่นเจ้าตัวถูกสังเกตุว่ามีรูปร่างที่บวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังเข้ามาร่วมทีมเพื่อฝึกซ้อมปรีซีซั่นด้วยสภาพที่มี "ห่วงยาง" อยู่รอบเอว
"มันเป็นเรื่องจริง... ผมจะไม่ปิดบังมันหรอก ตอนที่ผมไปพักร้อนผมก็ฉลองอย่างเต็มที่จนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 5 กิโลกรัม แต่ผมเป็นพวกที่ถึงแม้จะอ้วนขึ้นเร็ว แต่ก็ลดน้ำหนักได้เร็วเหมือนกันถ้าผมระมัดระวังตัวเองมากพอ"
"ตอนที่ผมอยู่กับ ลีลล์ ในตอนที่มีอายุเพียง 18 ปี ผมมีน้ำหนัก 72 หรือ 73 กิโลกรัม พอผมเล่นกล้ามจนทำให้มีกล้ามเนื้อมันก็ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มเป็น 75 กิโลกรัม ส่วนถ้าในวันที่แย่ๆ นี่ผมก็เคยหนัก 77 กิโลกรัม ขณะที่ช่วงซัมเมอร์ของปีนี้น้ำหนักของผมเคยขึ้นไปถึง 80 กิโลกรัม แต่ผมก็ลดน้ำหนักลงได้ในเวลาแค่ 10 วันนะ" อาซาร์ ออกมาให้สัมภาษณ์หลังโดนวิจารณ์เรื่องสภาพร่างกาย
เส้นทางการเล่นของ อาซาร์ กับ เรอัล มาดริด ดูโชคชะตาจะเล่นตลกตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มฤดูกาลเลยด้วยซ้ำ... อดีตแข้งลีลล์มีปัญหาบาดเจ็บเกี่ยวกับกล้ามเนื้อต้นขาในช่วงต้นฤดูกาล จนทำให้การเปิดตัวลงเล่นนัดแรกอย่างเป็นทางการต้องรอไปถึงเกมที่ 4 หรือกินเวลาไปกว่า 1 เดือนเต็ม และใช้เวลาการลงสนาม 5 เกมทุกรายการถึงจะคลำเป้าเจอนั่นคือเกมที่เอาชนะ กรานาด้า 4-2 ในศึกลา ลีกา สเปน ด้วยการ ยิง 1 จ่าย 1 แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา 9 เกมติดต่อกัน อาซาร์ ก็พังตาข่ายคู่แข่งไม่ได้อีกเลย
อย่างไรก็ตามความโชคร้ายมันไม่ได้จบลงแค่นั้น อาซาร์ ต้องประสบปัญหาอาการเจ็บหนักที่ข้อเท้าจากเกมเสมอ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมันทำให้เขาต้องร้างสนามไปราวๆเกือบ 3 เดือนเลยทีเดียว
เท่านั้นยังไม่พอหลังจากคืนสนามกลับมาลงเล่นได้อีกครั้งในเกมกับ เซลต้า บีโก้ เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ อาซาร์ ก็มีอาการบาดเจ็บกระดูกข้อเท้าขวาแตกในนัดถัดมากับ เลบันเต้ ทันที ซึ่งทำให้เขาพลาดลงสนามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก่อนที่ลา ลีกา จะพักเบรกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจากเหตุดังกล่าวใครจะเชื่อว่าอาการบาดเจ็บของ อาซาร์ มันทำให้เขาต้องร้างสนามมากกว่าสมัยที่เคยอยู่กับ เชลซี ตลอด 7 ปีเลยเสียอีก
สุดท้ายนี้หากจะประเมินว่า อาซาร์ นั้นย้ายมาล้มเหลวกับ เรอัล มาดริด มันก็คงจะดูโหดร้ายจนเกินไปเมื่อดูจากอาการบาดเจ็บที่เขาต้องเผชิญ แต่ถึงกระนั้นหากฤดูกาลหน้าเมื่อเขาได้รับโอกาสพิสูจน์อีกครั้งและยังวนเวียนอยู่ในอีหรอบเดิมแบบนี้แล้วหละก็.. หมายเลข 7 ของ เรอัล มาดริด อาจจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้" ก็เป็นได้!?
ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว แวดวงกีฬา เทรนใหม่ๆ ได้ที่ fontanossubs.com
|