ฟ้าลิขิตหรือจะสู้ตัวลิขิต..ชีวิตที่โคตรพลิกของหนุ่มไทยก่อนได้เล่นเจลีก 5 ตอนอายุ 36
เป้าหมายของชีวิตมนุษย์ทุกคนแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าใครชอบอะไร?และอยากเดินไปให้ถึงจุดไหน? หัวใจความมุ่งมั่นเป็นสิ่งสำคัญ จะคอยต้านทานอุปสรรคที่วนเวียนกันเข้ามาทดสอบความกล้าและความตั้งใจ ข่าวสโมสรฟุตบอลโพวีเนียร์ อาสุกะ ทีมระดับอาชีพเจลีก 5 ของญี่ปุ่นเซ็นสัญญาคว้าตัวนักเตะไทยอย่าง ปรีชา ซูซูกิ (วงษ์ศรีแก้ว) อาจจะเป็นข่าวที่ไม่ได้พุ่งรุ่งแรงเหมือนกับข่าวบิ๊กเนมเมืองไทยหลายคนโยกย้ายไปเล่นในระดับเจลีก 1
    แต่เงื่อนไขการเป็นนักเตะอาชีพของกองกลางวัย 36 ปี จาก อ.กุดชุม แห่ง จ.ยโสธร กลายเป็นเรื่องที่น่าสืบค้นแม้ว่าลีกระดับ5 อาจจะไม่แกร่งมาก แต่ด้วยมาตรฐานของฟุตบอลญี่ปุ่นลีกระดับนี้ก็เป็นลีกเพาะบ่มบรรดาแข้งดาวรุ่งที่รอวันแจ้งเกิดมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดถึง 134 ทีม แบ่งออกเป็น 9 โซน โซนที่ ปรีชา ซูซูกิ ลงเล่นคือโซนคันไซ ซอคเกอร์ลีก  ถ้าลองหลับตานึกถึงการเซ็นสัญญาผู้เล่นเรามักจะเห็นผู้เล่นญี่ปุ่นที่ร่วงโรยโยกย้ายมาเล่นลีกไทย แต่ครั้งนี้กลับสวนทางกันเมื่อแข้งไทยวัยย่างใกล้ 40 ปี ได้สัญญาที่ญี่ปุ่นมันเป็นฝันที่หยิกแล้วเจ็บตะเข็บที่คาใจกลายเป็นจุดที่ลงตัว "จุ้ย" ปรีชา ซูซูกิ (วงษ์ศรีแก้ว) เองก็ยอมรับว่านี่คือฝันของเด็กบ้านนอกที่ต่อสู้ชีวิตคนหนึ่งมาได้ตามเส้นทางที่ต้องการท่ามกลางเรื่องราวมากมายที่ลายล้อม ทั้งความยากลำบาก อาการบาดเจ็บ เงินทอง การตัดสินใจ และเธอผู้นั้นสาวญี่ปุ่นที่เปลี่ยนทุกอย่างให้มีพลังต่อจิ๊กซอว์ฝันจนกลายเป็นเรื่องจริง
    ย้อนกลับไปสมัยวัยเยาว์เด็กหนุ่มคนนี้เกิดที่ อ.กุดชุม จ.ยโสธร เป็นลูกคนเล็กสุดของครอบครัวมีพี่อีก 3 คน ฟุตบอล คือแรงบันดาลใจในชีวิตตั้งแต่เด็ก มันต่อฝัน "จุ้ย" มาเรื่อยๆเดินแบบค่อยๆเดิน เพียงแต่เดินด้วยเป้าหมายและความหวัง  ช่วงสตาร์ทวัยรุ่นผิดหวังมากกว่าสมหวังแม้จะก้าวขึ้นมาเป็นถึงนักเตะเยาวชนจังหวัด เพราะช่วงรอยต่อของการเทิร์นโปรสู่การเป็นนักเตะอาชีพขาดตอนไป เริ่มตั้งแต่พยายามขยับตัวเองมาเรียนในเมืองกรุงที่สาธิต มศว.แต่สุดท้ายไม่ผ่านการคัดเลือกต้องกลับไปสานฝันตัวเองที่ยโสธรแล้วกลับมาสู้กับโควตานักเตะ มรภ.จันทรเกษม อีกครั้งสุดท้ายคำตอบเดิมๆก็ตามมาเล่นงาน

ฟ้าลิขิตหรือจะสู้ตัวลิขิต..ชีวิตที่โคตรพลิกของหนุ่มไทยก่อนได้เล่นเจลีก 5 ตอนอายุ 36
    แต่ที่แย่ไปกว่านั้นชีวิตฟุตบอลอาจจะพอกันเพียงเท่านี้เพราะว่ามีอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หัวเข่าเล่นงานในวัยเพียงแค่ 18ปี ต้องเจาะน้ำออกจากเข่าเพื่อดูแลรักษาอาการเบื้องตัน สุดท้ายพุ่งเป้าไปที่ วพ.มหาสารครามทั้งเรียนและเล่นฟุตบอลพร้อมกับประครองอาการบาดเจ็บไปเรื่อยๆ สุดท้ายถอดใจความฝันจากฟุตบอลเมื่อเรียนจบระดับ ปวส.เก็บเสื้อผ้ามุ่งหน้าสู่พัทยา จ.ชลบุรี ไปทำงานหาเงินเลี้ยงชีพตัวเอง พร้อมกับตั้งเป้าเก็บเงินให้ได้มากที่สุดหลังจากนี้
    อาชีพของหนุ่มน้อยที่จบการศึกษาด้านการโรงแรมพุ่งเป้าไปที่งานบริการกลางคืนในฐานะเด็กเฝ้าร้านอะโกโก้ทำทุกอย่างโดยลืมฝันเรื่องฟุตบอลไปชั่วขณะจนวันหนึ่งพัฒนาสู่อาชีพบาร์เทนเดอร์วอล์คสตรีท พัทยา ตรงนี้เองทำให้เริ่มมีรายได้สูงขึ้นมาบ้างแต่ที่สำคัญที่สุดของชีวิตในช่วงนั้นคือการได้พบกับเนื้อคู่ต่างแดนจากญี่ปุ่นอย่าง ริเอะ ซูซูกิ กลายเป็นจุดเริ่มต้นรักข้ามขอบฟ้าพร้อมสานฝันกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน

ฟ้าลิขิตหรือจะสู้ตัวลิขิต..ชีวิตที่โคตรพลิกของหนุ่มไทยก่อนได้เล่นเจลีก 5 ตอนอายุ 36
    พัทยาอาจจะเต็มไปด้วยแสงสีความเจริญมากมายที่พรั่งพรูแต่ฟุตบอลก็ยังมีให้ "จุ้ย" กลับมาสู่เส้นทางฝันอีกครั้งโดยบังเอิญ การได้เข้าร่วมทีมเมืองพัทยา ลงเล่นฟุตบอลระดับถ้วยพระราชทาน ง โดยใช้เวลาว่างจากงานมาช่วยทีมลงแข่งขันพร้อมกับได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงวันละ 72 บาท กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฟุตบอลของเด็กหนุ่มคนนี้อีกครั้งแม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาตรงๆแต่เส้นทางดันต่อยอดให้ "จุ้ย" ก้าวไปทำงานที่ดีขึ้นในโรงแรมระดับ 5 ดาวของพัทยา รายได้ก็เริ่มพอกพูนมากขึ้นทุกอย่างมาพร้อมกับสวัสดิภาพชีวิตที่คิดจะฝันต่อเรื่องของฟุตบอลก็เริ่มสยายปีกอีกครั้ง
    "จริงๆพอตัดสินใจทำงานเก็บเงินเรื่องของฟุตบอลผมแทบพับเก็บเข้ากระเป๋าไปเลยแต่โชคดีการได้เล่นฟุตบอลเดินสายที่พัทยาและเล่นทีมพัทยาทำให้เริ่มรู้จักผู้ใหญ่ใจดีมากขึ้นเขาชักชวนไปทำงานในที่สวัสดิการดีมีประกันสังคม พอถึงตรงนั้นผมเลยวางแผนที่จะผ่าเข่าที่มีอาการบาดเจ็บให้หายขาดหลังปรึกษากับหมอ,ประกันสังคม ตลอดเวลาแฟนผมให้กำลังใจตลอดมาและช่วยกันที่จะสร้างฝันให้เป็นจริงอีกครั้งในเรื่องของฟุตบอล ซึ่งมันต้องมีวินัยสูงมากกับเวลางานจะต้องหยุดแบบไหน?ลาอย่างไร?ทำงานหนักอย่างไร?  เพราะมีทั้งช่วงผ่าตัดและพักฟื้นที่สำคัญคือเรื่องของเงินที่จะต้องใช้"

ฟ้าลิขิตหรือจะสู้ตัวลิขิต..ชีวิตที่โคตรพลิกของหนุ่มไทยก่อนได้เล่นเจลีก 5 ตอนอายุ 36
    เมื่อวงการฟุตบอลลีกไทยบูมในช่วงปี 2009 "จุ้ย" ตัดสินใจพาตัวเองเข้าสู่วงการเดิมอีกครั้งเพราะถึงจะให้ล้างมือในอ่างทองคำมันคงเลิกไม่ได้เนื่องจากฟุตบอลมันคือทุกอย่างของชีวิตตลอดเส้นทางที่มันดูขรุขระแต่มักมีเรื่องของฟุตบอลเกี่ยวข้องกับความสำเร็จเสมอมา ซึ่งทำให้เขาเชื่อแบบนั้นว่าสักวันคงสมหวังกับสิ่งที่ตั้งใจ "จุ้ย" ตัดสินใจไปทดสอบฝีเท้ากับยโสธร บ้านเกิดเพื่อลงเล่นระดับดิวิชั่น 2  ซึ่งทุกอย่างเป็นดังหวังแต่ว่าต้องยอมทิ้งเงินเดือนหลักมื่นที่ทำงานอยู่ไปรับเงินฟุตบอลระดับหลักพัน การตัดสินใจดูเหมือนยากแต่สำหรับเขาถ้าเรื่องของฟุตบอลเป็นเรื่องง่ายเสมอ
    หลังจากนั้นมาก็พัฒนาฝีเท้าตัวเองจนได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับโยกย้าย ไปเล่นให้ ลำปาง เอฟซี,ลำพูน วอร์รเออร์,พังงา เอฟซี,อำนาจ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะโยกไปเล่น ลำพูน วอริเออร์ ในช่วงบั้นปลายการค้าแข้งปี 2019  แต่ใครจะรู้ว่าการบอกลาลำพูนครั้งนั้นจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชายหนุ่มที่อายุย่างเข้า 36 ปี สู่ฟุตบอลอาชีพต่างแดนครั้งแรกในชีวิต มันกลายเป็นฝันที่จับต้องได้แบบที่เขาเองก็รู้สึกภูมิใจจนบอกไม่ถูก

ฟ้าลิขิตหรือจะสู้ตัวลิขิต..ชีวิตที่โคตรพลิกของหนุ่มไทยก่อนได้เล่นเจลีก 5 ตอนอายุ 36
    "จริงๆผมเดินทางไปญี่ปุ่นที่บ้านภรรยาค่อนข้างบ่อยที่สำคัญมีช่วงหนึ่งที่ผมส่งอีเมลล์ไปที่สโมสรนารา ทีมระดับเจลีก 4  เมื่อตอนอายุ 28 ปี สมัยเล่นให้กับลำปางว่าในช่วงของการปิดฤดูกาลเมืองไทยจะขอมาฝึกซ้อมที่สโมสรแห่งนี้ 3เดือน ซึ่งเขาให้โอกาสเรา 3 เดือนที่นั่นผมได้พบเจอเพื่อนชาวญี่ปุ่นและกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผมมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลอาชีพในวันนี้พวกเขาแนะนำให้ผมไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรโพวีเนียร์ อาสุกะ เพราะอยู่ไม่ไกลบ้านภรรยาผมมากนัก สุดท้ายผมทำมันได้ อีกเรื่องที่ทำประจำเลยตอนที่ไปบ้านภรรยาคือการสอนฟุตบอลเด็กๆในพื้นที่มันก็มีความสุขดี"
    หลายคนคงสงสัยว่า "จุ้ย" เป็นนักเตะลูกครึ่งญี่ปุ่นหรือไม่เพราะนามสกุล "ซูซูกิ" ที่พ่วงท้ายชื่อมา แต่ใครจะรู้ว่ามุมแห่งความรักทำให้เกิดพลังมากมายจนประสบความสำเร็จมีเครื่องยืนยันความรักซึ่งกันและกัน แม้ว่าจะพูดคนละภาษามาจากคนละประเทศ "จริงๆผมนามสกุล "วงษ์ศรีแก้ว" เป็นคนไทยแท้ๆ ตอนนี้ผมตัดสินใจใช้นามสกุลแฟนเพราะแม่แฟนไม่มีลูกผู้ชายเลย ก่อนที่จะตัดสินใจมาญี่ปุ่นแฟนผมใช้เวลาอยู่กับผมทีเมืองไทยเป็นเวลา 10 ปี สามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจน เขาไม่เคยบ่นในการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแม้ว่าจะไม่มีรายได้มากมาย แต่เราสองคนพร้อมกับลูกก็ใช้ชีวิตแบบประหยัดเรียบง่ายมีความสุข  ฟุตบอลพาผมไปทุกที่เช่นเดียวกันแฟนผมครอบครัวผมก็จะไปกับผมเหมือนฟุตบอลที่รักตลอดเวลา ตอนนี้ผมตัดสินใจที่จะมาปักหลักอยู่ญี่ปุ่นเวลาคงไม่แตกต่างจากตอนที่แฟนผมไปอยู่เมืองไทย"

ฟ้าลิขิตหรือจะสู้ตัวลิขิต..ชีวิตที่โคตรพลิกของหนุ่มไทยก่อนได้เล่นเจลีก 5 ตอนอายุ 36
    ชีวิตนักฟุตบอลอาชีพต่างแดนครั้งแรกในวัย 36 ปี ของ "จุ้ย" ปรีชา ซูซูกิ (วงษ์ศรีแก้ว) จะเริ่มสตาร์ทลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 เม.ย.63 ที่จะถึงนี้ บทบาทครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มต้นฝึกซ้อมจนใกล้วันแข่งขันได้เรียนรู้มากมายจากฟุตบอลญี่ปุ่นแม้ว่าจะเป็นลีกอาชีพระดับ 5 ของประเทศ "ในทีมตอนนี้ผมกับเพื่อนอีก 4-5 คนอายุเกิน 30 ปี นอกจากนั้นจะเป็นเด็กหนุ่มที่ห่างกันจนเกือบครึ่ง ที่นี่การฝึกซ้อมเข้มข้นซ้อมมื้อเดียวตั้งแต่เช้านัดซ้อม 09.00 น. นักเตะมารอตั้งแต่ 08.00 น.ทุกอย่างจริงจังเข้มข้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทั้งๆที่ทุกคนก็มีหน้าที่การงานประจำทำแต่ก็มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก"
    "ตอนนี้สโมสรกำลังหางานที่เหมาะสมให้กับผมเพื่อเพิ่มรายได้อีกทางนอกจากการเป็นนักเตะอาชีพโดยจะดูงานที่เหมาะสมเพราะภาษาญี่ปุ่นของผมยังไม่ดีพอ แม้วันนี้จะอายุ 36ปี แล้วใครอาจจะมองว่าแก่เกินไปแต่ผมว่าความฝันที่จะเดินสู่ความจริงของแต่ละคนมันมีรูปแบบความยากง่ายต่างกัน ถ้าเราเป็นเราแล้วเดินสู่เป้าหมายปลายฝันของเราได้มันคือเรื่องที่ต้องภูมิใจ จริงๆฝันของผมมีอีกอย่างที่อยากจะทำคือการเดินทางไปเล่นฟุตบอลอาชีพที่เซอร์เบียแต่ด้วยอายุที่มากเกินไปตอนนี้มันคงไม่ทันเพราะที่ผ่านมาได้ปรึกษากับ มิลาน บูบาโล่ อดีตนักเตะของเมืองทองและ ลำพูน มาโดยตลอดในการเดินทางไปเล่นฟุตบอลที่นั่น"
    ชีวิตฟุตบอลอาชีพต่างแดนใกล้หลักสี่ของ "จุ้ย" ปรีชา ซูซูกิ (วงษ์ศรีแก้ว) ได้ลบอุปสรรคตลอดทางลงแบบราบคราบแม้ว่าวัยอาจจะล่วงเลยไปบ้าง แต่ความฝันติดลบสามรถก้าวไปจบที่ผลบวกคูณความสำเร็จด้านแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆที่จะเดินบนถนฟุตบอลอาชีพหลังจากนี้  นี่คือความพยายามแบบอย่างของนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ถ้าจะฝันแล้วต้องไปให้ถึงความจริง....

ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว แวดวงกีฬา เทรนใหม่ๆ ได้ที่ buy-instagram.com