ปฏิเสธไม่ได้ว่า ''จิงโจ้มหาประลัย'' นีล โรเบิร์ตสัน นักสอยคิวมือ 2 ของโลกจากออสเตรเลีย คือนักสนุกเกอร์ที่ฟอร์มแรงที่สุดในเวลาปัจจุบัน จากผลงานการเข้าชิง 3 รายการติดต่อกัน ภายใน 3 สัปดาห์
ประกอบด้วย ศึกยูโรเปี้ยนมาสเตอร์ส 2020 ที่เมืองดอนเบิร์น ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ 22-26 มกราคม ที่ผ่านมา, เยอรมันมาสเตอร์ส 2020 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 29 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ และศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2020 ที่เมืองเชลท์แนม ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 3-9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
พร้อมกับสามารถคว้าแชมป์รายการยูโรเปี้ยนมาสเตอร์ส และ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มาครอง ขณะเยอรมันมาสเตอร์ส ได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น หลังจากแพ้ จัดด์ ทรัมป์ มือ 1 ของโลกจากอังกฤษไปอย่างน่าเสียดาย 6-9 เฟรม
การเข้าชิง 3 รายการติดต่อกันภายใน 3 สัปดาห์ เท่ากับว่า นักสอยคิวชาวออสซี่รายนี้ ลงแข่งขันถึง 15 วัน ภายใน 21 วัน โดยมีเวลาพักเพียง 6 วันเท่านั้น
และหากนับอย่างละเอียดเป็นจำนวนเฟรม ปรากฏว่า ใน 21 วันที่ผ่านมา อดีตแชมป์โลกปี 2010 เดินวนรอบโต๊ะก้มแทงแบบทรหดนานถึง 119 เฟรม แบ่งเป็น ยูโรเปี้ยนมาสเตอร์ส 36 เฟรม, เยอรมันมาสเตอร์ส 38 เฟรม และ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ อีก 45 เฟรม
นับเป็นการแข่งขันที่ทรหดแบบสุดๆ จนแทบไม่ได้พัก แถม 3 รายการที่ว่ามานี้ ยังแข่งขันกันคนละประเทศ จึงทำให้เขาต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปด้วย ไม่ได้ล้าจากการแข่งขันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ที่สำคัญก็คือ ในศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2020 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นีล โรเบิร์ตสัน ต้องใช้เวลาแข่งขันนานถึง 6 ชั่วโมงครึ่ง กว่าจะเอาชนะ แกรม ด็อตต์ คู่แข่งจากสกอตแลนด์ไปได้ 10-8 เฟรม
นับเป็นหนึ่งในแมตช์ที่เขา ต้องใช้พลังงานเยอะที่สุด ในชีวิตการเป็นนักสนุกเกอร์เลยทีเดียว จนออกอาการล้า และพลาดลูกง่ายๆ หลายชอต ในช่วงท้ายของการแข่งขัน อย่างเห็นได้ชัด จนเกือบจะไม่ได้แชมป์
เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากจบไปแล้ว 3 สัปดาห์ ในสัปดาห์นี้ เขาต้องเดินทางมาป้องกันแชมป์ศึกเวลส์โอเพ่น 2020 ที่มอเตอร์พอยต์อารีนา กรุงคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์อีก โดยมีเวลาพักเพื่อเดินทางแค่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพียงวันเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะลงแข่งขันเวลส์โอเพ่น 2020 รอบแรก ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องทันที
ในรอบแรกของศึกเวลส์โอเพ่น 2020 ที่เอาชนะ เจมี่ คลาร์ก มือ 92 ของโลกจากเวลส์ 4-2 เฟรม นีล โรเบิร์ตสัน ได้ให้สัมภาษณ์กับยูโรสปอร์ต สถานีโทรทัศน์ชื่อดังว่า เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากจนหมดแรง ถึงขนาดมีความคิดที่จะขอยอมแพ้อยู่แล้ว แต่ก็ยังฝืนแบกสภาพร่างกายที่อ่อนล้า ไม่ต่างอะไรจากซอมบี้ จนเอาชนะนักสอยคิวเจ้าถิ่นมาได้ ชนิดที่เกือบน็อกคาโต๊ะ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากจบแมตช์ดังกล่าว นักสอยคิวจากเมืองเมลเบิร์น ได้พักฟื้นร่างกายอย่างเต็มที่ ก่อนที่ในรอบ 64 คนสุดท้าย จะไล่ต้อนเอาชนะ มาร์ค จอยซ์ มือ 69 ของโลกจากอังกฤษไปได้ 4-2 เฟรม
อีกทั้งในเฟรมแรก โรเบิร์ตสัน ยังกดเซนจูรีเบรก 135 แต้ม ซึ่งเป็นเซนจูรีเบรกครั้งที่ 700 ในการเล่นอาชีพของเจ้าตัว นับตั้งแต่เทิร์นโปรเล่นอาชีพเมื่อปี 2001
พร้อมกับทำให้นักสอยคิวที่เพิ่งอายุครบ 38 ปี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กลายเป็นนักสนุกเกอร์คนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถทำเซนจูรีเบรกได้ 700 แต้มขึ้นไป ต่อจาก รอนนี่ โอซัลลิแวน มือ 6 ของโลกจากอังกฤษ 1,040 ครั้ง, จอห์น ฮิกกินส์ มือ 5 ของโลกจากสกอตแลนด์ 784 ครั้ง และ สตีเฟ่น เฮนดรี้ ตำนานสอยคิวชาวสกอตต์ ที่ทำได้ 775 เซนจูรีเบรก
เรียกได้ว่า พอได้เวลาพักฟื้น นีล โรเบิร์ตสัน กลับมาแทงได้อย่างร้อนแรงอีกครั้ง จนแฟนสนุกเกอร์หลายคนมองว่า มีโอกาสสูงที่จะเข้าชิงศึกเวลส์โอเพ่นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
และหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้นักสอยคิวจากแดนจิงโจ้รายนี้ ทำสถิติเข้าชิงเป็นรายการที่ 4 ติดต่อกัน ภายใน 4 สัปดาห์เลยทีเดียว โดยจะลงแข่งขันถึง 21 วัน ภายใน 28 วัน
ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีนักสนุกเกอร์คนใดทำได้มาก่อน กับการเข้าชิงรายการระดับเวิลด์แรงกิ้ง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน น่าติดตามว่า นีล โรเบิร์ตสัน จะทำได้หรือไม่
โดยศึกเวลส์โอเพ่น 2020 รอบ 32 คนสุดท้าย นีล โรเบิร์ตสัน โคจรมาพบกับ ''หมู ปากน้ำ'' นพพล แสงคำ มือ 33 ของโลก ที่เป็นนักสอยคิวไทยเพียงหนึ่งเดียว ที่ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ ซึ่งตอนนี้ แฟนสนุกเกอร์คงจะรู้แล้วว่า ผลการแข่งขันของคู่นี้เป็นอย่างไร
ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว แวดวงกีฬา เทรนใหม่ๆ ได้ที่
martysmotors.com
|