"โอเค งั้นผมขอเป็นนักเตะยอดเยี่ยมทวีปแอฟริกา ก่อนละกัน" คำพูดของ ซาดิโอ มาเน่ หลังจากที่เพื่อนๆ แอบขำเมื่อเจ้าตัวบอกว่าเป้าหมายของตัวเองคือ "บัลลง ดอร์"
เด็กชาย ซาดิโอ มาเน่ จะจับกลุ่มกับเพื่อนเล่นฟุตบอลในหมู่บ้านเล็กๆ ทุกคนที่นี่พูดเสียงเดียวกันว่า มาเน่คือคนที่เก่งที่สุดในหมู่บ้าน
เรื่องอาชีพนักฟุตบอลเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวเกินไป มาเน่ เติบโตด้วยความยากลำบาก ทุกคนในครอบครัวอยากให้เขาไปทำอย่างอื่นมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ชีวิต มาเน่ มีแต่เรื่องฟุตบอล ในหัวของเขาครุ่นคิดแต่เรื่องนี้
ลุงของ มาเน่ เป็นผู้สนับสนุนที่พาเขาเข้าสู่วงการฟุตบอลอย่างจริงจัง คนในครอบครัวตัดสินใจขายผลผลิตพืชสวนจากฟาร์มเพื่อส่ง มาเน่ ไปตามฝันที่ ดาการ์
ไม่เพียงแต่ครอบครัว คนทั้งหมู่บ้านต่างรวบรวมเงินให้ มาเน่ ไปเผชิญโลกที่กว้างขึ้น
"ลุงของผมช่วยผมเยอะมาก แต่ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว เกือบทุกคนในหมู่บ้านรวบรวมเงินให้กับผม"
วันที่ มาเน่ ได้สัมผัส เมืองหลวงของ เซเนกัล เขาเห็นเด็กหลายคนกำลังทดสอบฝีเท้า มีผู้ใหญ่คนหนึ่งจ้องมองมาที่เขาด้วยคำถามที่คิดในใจว่า ไอ้เด็กนี่มาทำ
อะไรอยู่ตรงนี้
สภาพของ มาเน่ ตอนนั้น คือ สวมรองเท้าขาดๆ กางเกงก็ไม่ได้เหมือนกางเกงกีฬา มันดูแย่เกินกว่าจะใส่เตะฟุตบอลได้
"นี่เธอจะมาทดสอบที่นี่ ด้วยรองเท้าคู่นี้เนี่ยนะ - แล้วดูกางเกงสิ มันไม่น่าจะใส่เล่นฟุตบอลได้เลย"
มาเน่ ตอบกลับแบบสุภาพ "ผมมาที่นี่ด้วยสิ่งที่ดีที่สุดที่ตัวเองมี ผมต้องการแค่จะเล่นฟุตบอลเพื่อแสดงความสามารถของตัวเองเท่านั้น"
ทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจในสนาม สีหน้าของผู้ใหญ่คนเดิมเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาเดินมาหามาเน่และบอกเบาๆ ว่า
"เราเลือกเธอนะ เธอจะได้มาเล่นในทีมนี้"
ตามสถิติที่มีการเก็บไว้ บันทึกว่ามาเน่ซัดไป 131 ลูก จาก 90 นัด ในการเล่นให้กับอคาเดมี่นี้
ฝีเท้าของ มาเน่ ไปเข้าตาแมวมองชาวฝรั่งเศส จากนั้นสเกาท์รายนี้ก็พา มาเน่ บินข้ามทวีปมาอยู่กับ เม็ตซ์ ซึ่งที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม ชีวิตบนแผ่นดินฝรั่งเศส ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเจอปัญหาหลายอย่าง ทั้งอาการ บาดเจ็บกระดูกเชิงกราน, "โรคคิดถึงบ้าน"(Homesick) , อากาศที่เหน็บหนาว และวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคย ทั้งหมดคือปัญหาที่มาเน่ต้องเผชิญ
แม้ปัญหาจะถาโถมเข้ามา แต่มาเน่ก็ยังยืนว่าฝันของเขาต้องกลายเป็นจริง นั่นคือการได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ฉะนั้น เขาต้องทำงานหนัก ทำงานหนักให้มากกว่าเดิม
แม้ปีแรกของ มาเน่ กับ เม็ตซ์ จบลงด้วยการที่ต้นสังกัดตกชั้น แต่ฟอร์มส่วนตัวถือว่าเฉิดฉายทีเดียว ช่วงซัมเมอร์ปี 2012 มาเน่ มีชื่อติดทีมชาติไปเล่นโอลิมปิค เกมส์ ที่กรุงลอนดอน จากนั้นย้ายไปอยู่กับ เร้ด บูล ซัลซ์บวร์ก
ที่ ซัลซ์บวร์ก มาเน่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น ฝีเท้าพัฒนาขึ้นรวมถึงเรื่องความคิดในแง่ดี "การได้ทำงานกับชมิดท์ ผมได้เรียนรู้เยอะมาก ทั้งเรื่องการเริ่มต้น รับมือความกดดัน ทุกๆอย่างเลย"
จากที่เคยได้แค่ดูผ่านจอทีวี ซัมเมอร์ ปี 2014 เซาธ์แฮมป์ตัน หยิบยื่นโอกาสให้เขามาวาดลวดลายในลีกที่เขาฝันไว้
มาเน่ ใช้เวลาปรับตัวที่พรีเมียร์ลีกไม่นาน เขาโด่งดังมีชื่อเสียง แนวรับระดับชั้นยอดหลายคนต่างโดนเขาเล่นงาน
ช่วงปิดซีซั่นปี 2016 เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังเริ่มสร้างทีมลิเวอร์พูลขึ้นมาใหม่ โดยมีซาดิโอ มาเน่ เป็นเป้าหมายหลัก
นอกจากลิเวอร์พูลแล้ว แมนฯยูไนเต็ดยังเป็นหนึ่งทีมที่ต้องการตัวเขาเช่นกัน
มาเน่ ยอมรับว่าเหตุผลหลักที่ทำให้ตัวเองตัดสินใจเลือกลิเวอร์พูล คือเจอร์เก้น คล็อปป์
...
ทุกวันนี้ ที่ บามบาลี บ้านของ มาเน่ เด็กทุกคนต่างเรียกตัวเองก่อนลงเตะว่า "ชั้นเป็นมาเน่ ชั้นเป็นมาเน่ ชั้นเป็นมาเน่"
ทุกตารางนิ้วในเมืองนี้ เต็มไปด้วยชื่อ"ซาดิโอ มาเน่"
เขาคือ ฮีโร่ ของคนที่นี่ อย่างไม่ต้องสงสัย
และวันนี้ มาเน่ ทำได้อย่างที่เคยพูดไว้ หลังเคยมีชื่อเข้าชิงรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมทวีปแอฟริกา
ปี 2016 ได้ที่ 3
ปี 2017 ได้ที่ 2
ปี 2018 ได้ที่ 2
และปี 2019 คว้ารางวัลไปครอง จากผลงาน..
63 นัด
35 ประตู
11 แอสซิสต์
3 โทรฟี่
"จากใจจริงเลยนะครับ ผมอยากจะเล่นฟุตบอลมากกว่าที่จะต้องมาพูดต่อหน้าคนที่สำคัญหลายคนเสียอีก" มาเน่ พูดแบบเขินอายโดยในมือจับรางวัลนี้
"ฟุตบอลคืองานของผม ผมรักมัน ผมมีความสุขจริงๆ และภูมิใจมากๆ เหมือนกันที่ได้รางวัลนี้"
"ผมขอขอบคุณครอบครัวของผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณลุงของผมที่อยู่ที่นี่ในวันนี้, ทีมชาติ และ เพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล, สตาฟฟ์, ทุกๆ คนเลย"
"นี่เป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม ผมอยากจะขอบคุณคนชาวเซเนกัล พวกเขาผลักดันผม ผมมาจาก บามบาลี ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ผมมั่นใจเลยว่าพวกเขากำลังดูผมอยู่ทางทีวี"
ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว แวดวงกีฬา เทรนใหม่ๆ ได้ที่ toollanyardsbagsandbelts.com
|