พวงมาลัยสกปรก กว่าชักโครกห้องน้ำถึง 6 เท่า!
พวงมาลัยสกปรก ช่วงที่โควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ กลับมาเป็นของสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนอีกครั้ง เช่นเดียวกับการเว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงการป้องกันโควิดจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวกันสักเท่าไหร่นะครับ
ใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ผมเชื่อว่าในรถของคุณจะต้องมีสิ่งของเหล่านี้ประจำอยู่ในรถกันอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ ผมว่ามันยังไม่พอ! โดยเฉพาะบางท่านที่ใช้งานรถคนเดียว แล้วคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร บางทีมันอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะเชื้อโรคคือสิ่งที่เรามองไม่เห็น และสามารถอยู่ได้ทุกที่
ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ หากถามว่าควรล้างรถให้บ่อยขึ้นไหม เอาจริง ๆ เลยก็คือควรนะครับ แต่การที่คุณนำรถไปล้างตามคาร์แคร์ ไม่ว่าจะโดยพนักงานหรือเครื่องล้างอัตโนมัติ สุดท้ายก็ต้องผ่านมือคนในการเช็ดและสัมผัสกับรถของเราอยู่ดี ฉะนั้นถ้าไม่ลำบากจนเกินไป หากทำได้เองก็ทำไปก่อนครับในช่วงนี้
การล้างสีภายนอกอาจใช้เพียงแค่แชมพูกับน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว แต่ควรจะล้างและจอดตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคไว้ราว 30 นาที และอย่าลืมล้างในจุดซ่อนเร้นที่อยู่ภายนอกของรถคุณ อาทิ ที่จับเปิด-ปิดประตูด้านคนขับที่ถูกใช้งานบ่อยที่สุด เพราะนั่นคือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี หากเราสังเกตให้ดี ที่จับฝั่งนี้จะมีริ้วรอยมากที่สุดด้วย
ทว่าที่สำคัญที่สุดคือภายในรถครับ อย่างที่รู้กันว่าจุดที่สกปรกที่สุดในรถคือจุดที่มือของเราสัมผัสมันบ่อยสุด นั่นก็คือพวงมาลัย ผลการสำรวจของ CarRentals.com บอกว่า พวงมาลัย โดยเฉพาะส่วนสัมผัสที่อยู่ฝั่งติดกระจกหน้ารถที่เรามองไม่เห็น มีค่าความสกปรกมากกว่าปุ่มกดลิฟต์ถึง 2 เท่า และสกปรกกว่าห้องน้ำสาธารณะ 6 เท่าเลยทีเดียว
พวงมาลัยสกปรก นอกจากจะทำความสะอาดเป็นประจำแล้ว ในชีวิตการใช้งานจริง ๆ ก็อย่าลืมด้วยล่ะครับ
ทุกครั้งที่กลับขึ้นรถ นอกจากฉีดแอลกอฮอล์ล้างมือของเราแล้ว ควรจะต้องใช้ทิชชู่เปียก หรือกระดาษชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบพวงมาลัย รวมถึงจุดอื่นที่ต้องสัมผัสเป็นประจำด้วย อาทิ ปุ่มเปิด-ปิดวิทยุ ปุ่มเปิด-ปิดแอร์ ปุ่มปลดล็อกประตู หัวเกียร์ รวมถึงที่วางแก้วน้ำ
เช่นเดียวกัน แม้เราจะใช้รถคนเดียว แต่ทุกครั้งที่เราสัมผัสสิ่งของจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นรับบัตรจอดรถจากพนักงาน จ่ายเงิน-รับเงินทอนในการซื้อของ ปุ่มกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม การผลักประตูเปิด-ปิด ตามร้านกาแฟที่ไม่มีประตูอัตโนมัติ ก็ถือเป็นความเสี่ยงทั้งหมด ฉะนั้น เมื่อก่อนขึ้นรถทุกครั้งควรทำความสะอาดมือของเราให้ดี เพื่อความปลอดภัย
ส่วนหัวข้อที่ตั้งเอาไว้ในสัปดาห์นี้ ที่บอกว่ารถสกปรกห้ามวิ่งนั้น คงไม่ต้องถึงขั้นให้มาบังคับใช้ในบ้านเราเลยนะครับ เพราะในภาวะปกติรถของผมก็อาจถูกห้ามวิ่งไปด้วย (ฮา ๆ) เพราะมันคือกฎหมายจราจรที่บังคับใช้จริงในประเทศรัสเซียครับ เพราะหากใครที่ไม่ได้ล้างรถ แล้วนำรถออกมาวิ่นบนถนนหลวง ถือว่ามีความผิด!
ประเด็นสำคัญของเขาไม่ได้อยู่ที่เรื่องความสะอาดหรือเชื้อโรคอะไรหรอกนะครับ แต่ตำรวจจะพิจารณาจากจากสีรถและป้ายทะเบียนว่ายังสามารถมองเห็นชัดเจนอยู่หรือไม่ หากคันไหนเพื่อนเอานิ้วมาเขียนว่า “คนล้างไปนอก” ได้ชัดเจนล่ะก็ เขาจะตีความว่ารถของคุณสกปรก! นั่นเองครับ
ผลการศึกษาจากบล็อกของเว็บให้เช่ารถแห่งหนึ่งรายงานนอกจากเรื่องพวงมาลัยที่สกปรกๆสุดแล้ว เจ้าของรถส่วนใหญ่ยังทำความสะอาดรถปีละครั้งเท่านั้น!
ผลการสำรวจเผยความสกปรกภายในรถ
โดยพวงมาลัยรถยนต์นั้นสกปรกกว่าแผ่นรองนั่งชักโครกถึง 4 เท่า มีจำนวนแบคทีเรีย 629 หน่วย CFU ต่อตารางเซนติเมตร สกปรกกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนถึง 6 เท่า และสกปรกมากกว่าปุ่มลิฟท์โดยสารถึง 2 เท่า
รายงานยังระบุอีกด้วยว่า 12 เปอร์เซนต์ของคนอเมริกันไม่เคยทำความสะอาดภายในรถโดยสาร ซึ่งมีส่วนทำให้แบคทีเรียเพิ่มปริมาณมากขึ้น
บางส่วนของความสกปรกนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นิสัยมักง่ายหลายๆอย่างเป็นส่วนสร้างความสกปรก อาทิ การกินอาหารหลังพวงมาลัย ซึ่งมีจำนวนชาวอเมริกันถึง 20 เปอร์เซนต์ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ทำให้เกิดกลุ่มแบคทีเรียปริมาณมาก
“เฟรนซ์ฟรายที่ทำหล่นไว้ระหว่างเบาะและคอนโซลกลางรถหรือคราบนมจากขวดนมบนเบาะที่นั่งด้านหลังก่อให้เกิดการเพาะเชื้อแบคทีเรีย” ผลการวิจัยระบุเพิ่ม
“การปิดกระจกและจอดรถตากแดด เศษอาหารที่หกเหล่านี้ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของแบคทีเรียไปทั่วรถ
ความสกปรกยังคงมีต่อเมื่อเริ่มเติมน้ำมัน ผลการวิจัยเผยถึงที่เปิดฝาถังน้ำมันนั้นสกปรกกว่าปุ่มบนลิฟท์โดยสารถึง 6,428 เท่า และสกปรกมากกว่าฝารองนั่งของห้องน้ำสาธารณะถึง 11,835 เท่า
ปุ่มที่อยู่ในปั้มต่างๆของประเทศอเมริกา ซึ่งปั้มหนึ่งๆสามารถกดเลือกน้ำมันได้หลากหลายแบบ โดยต้องให้ผู้เติมเลือกประเภทน้ำมันผ่านการกดปุ่มก่อนที่จะหยิบหัวจ่ายน้ำมัน มีแบคทีเรียถึง 2.6 ล้าน CFU หน่วย หรือมากกว่าหัวจ่ายน้ำมันถึง 600,000 เท่า
สรุป
วิธีการที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงเชื้อโรคและสิ่งสกปรกนี้ อย่างแรกคือการทำความสะอาดรถ งานวิจัยแนะนำให้ทำความสะอาดสิ่งต่างๆที่ต้องสัมผัสภายในรถ เปลี่ยนแผ่นกรองแอร์ ทำความสะอาดกุญแจรถ และดูดฝุ่นเบาะ รวมถึงให้ผู้ขับรถล้างมือหลังจากเติมน้ำมันด้วยตัวเองอีกด้วย
อ้างอิง
https://www.sanook.com/
https://mydeedees.com/%e0%b8%9e%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%81-%e0%b8%a2%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%8a/
|