[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ติดต่อสอบถาม
blog สมาชิก
สถิติผู้เขียน blog 10 อันดับ
wave
[ มือใหม่ ]
2
admin
[ มือใหม่ ]
2
orean
[ มือใหม่ ]
2
KAT
[ มือใหม่ ]
1
yuy
[ มือใหม่ ]
1
aTon
[ มือใหม่ ]
1
fang
[ มือใหม่ ]
1
film
[ มือใหม่ ]
1
mild
[ มือใหม่ ]
1
Donus
[ มือใหม่ ]
1
บทความ blog ล่าสุดโดย
เพลงคริสต์มาสtortae
การดูแลรักษาสุภาพ ให้แข็งแรงaTon
ประเพณีวันเข้าพรรษาmild
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
อาเซียนDonus
การวาดภาพสีนำ้lovepop-123456
อาเซียนmikekung02
ลดความอ้วนสูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์yuy
ปรากฏการณ์ธรรมชาติMin-Mintra
ไลน์ โรงเรียนศรัทธาฯ

ติดต่อ สอบถาม

poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก

  

   เว็บบอร์ด >> >>
พวงมาลัยสกปรก ยิ่งกว่าชักโครก คำพูดนี้จริงหรือไม่  VIEW : 74    
โดย หยาด

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 576
ตอบแล้ว : 2
เพศ :
ระดับ : 19
Exp : 49%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 125.25.50.xxx

 
เมื่อ : พฤหัสบดี ที่ 29 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2566 เวลา 11:37:19   

พวงมาลัยสกปรก กว่าชักโครกห้องน้ำถึง 6 เท่า!
พวงมาลัยสกปรก ช่วงที่โควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ กลับมาเป็นของสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนอีกครั้ง เช่นเดียวกับการเว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงการป้องกันโควิดจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวกันสักเท่าไหร่นะครับ

ใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ผมเชื่อว่าในรถของคุณจะต้องมีสิ่งของเหล่านี้ประจำอยู่ในรถกันอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ ผมว่ามันยังไม่พอ! โดยเฉพาะบางท่านที่ใช้งานรถคนเดียว แล้วคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร บางทีมันอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะเชื้อโรคคือสิ่งที่เรามองไม่เห็น และสามารถอยู่ได้ทุกที่

ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ หากถามว่าควรล้างรถให้บ่อยขึ้นไหม เอาจริง ๆ เลยก็คือควรนะครับ แต่การที่คุณนำรถไปล้างตามคาร์แคร์ ไม่ว่าจะโดยพนักงานหรือเครื่องล้างอัตโนมัติ สุดท้ายก็ต้องผ่านมือคนในการเช็ดและสัมผัสกับรถของเราอยู่ดี ฉะนั้นถ้าไม่ลำบากจนเกินไป หากทำได้เองก็ทำไปก่อนครับในช่วงนี้

การล้างสีภายนอกอาจใช้เพียงแค่แชมพูกับน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว แต่ควรจะล้างและจอดตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคไว้ราว 30 นาที และอย่าลืมล้างในจุดซ่อนเร้นที่อยู่ภายนอกของรถคุณ อาทิ ที่จับเปิด-ปิดประตูด้านคนขับที่ถูกใช้งานบ่อยที่สุด เพราะนั่นคือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี หากเราสังเกตให้ดี ที่จับฝั่งนี้จะมีริ้วรอยมากที่สุดด้วย

ทว่าที่สำคัญที่สุดคือภายในรถครับ อย่างที่รู้กันว่าจุดที่สกปรกที่สุดในรถคือจุดที่มือของเราสัมผัสมันบ่อยสุด นั่นก็คือพวงมาลัย ผลการสำรวจของ CarRentals.com บอกว่า พวงมาลัย โดยเฉพาะส่วนสัมผัสที่อยู่ฝั่งติดกระจกหน้ารถที่เรามองไม่เห็น มีค่าความสกปรกมากกว่าปุ่มกดลิฟต์ถึง 2 เท่า และสกปรกกว่าห้องน้ำสาธารณะ 6 เท่าเลยทีเดียว

พวงมาลัยสกปรก นอกจากจะทำความสะอาดเป็นประจำแล้ว ในชีวิตการใช้งานจริง ๆ ก็อย่าลืมด้วยล่ะครับ
ทุกครั้งที่กลับขึ้นรถ นอกจากฉีดแอลกอฮอล์ล้างมือของเราแล้ว ควรจะต้องใช้ทิชชู่เปียก หรือกระดาษชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบพวงมาลัย รวมถึงจุดอื่นที่ต้องสัมผัสเป็นประจำด้วย อาทิ ปุ่มเปิด-ปิดวิทยุ ปุ่มเปิด-ปิดแอร์ ปุ่มปลดล็อกประตู หัวเกียร์ รวมถึงที่วางแก้วน้ำ

เช่นเดียวกัน แม้เราจะใช้รถคนเดียว แต่ทุกครั้งที่เราสัมผัสสิ่งของจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นรับบัตรจอดรถจากพนักงาน จ่ายเงิน-รับเงินทอนในการซื้อของ ปุ่มกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม การผลักประตูเปิด-ปิด ตามร้านกาแฟที่ไม่มีประตูอัตโนมัติ ก็ถือเป็นความเสี่ยงทั้งหมด ฉะนั้น เมื่อก่อนขึ้นรถทุกครั้งควรทำความสะอาดมือของเราให้ดี เพื่อความปลอดภัย

ส่วนหัวข้อที่ตั้งเอาไว้ในสัปดาห์นี้ ที่บอกว่ารถสกปรกห้ามวิ่งนั้น คงไม่ต้องถึงขั้นให้มาบังคับใช้ในบ้านเราเลยนะครับ เพราะในภาวะปกติรถของผมก็อาจถูกห้ามวิ่งไปด้วย (ฮา ๆ) เพราะมันคือกฎหมายจราจรที่บังคับใช้จริงในประเทศรัสเซียครับ เพราะหากใครที่ไม่ได้ล้างรถ แล้วนำรถออกมาวิ่นบนถนนหลวง ถือว่ามีความผิด!

ประเด็นสำคัญของเขาไม่ได้อยู่ที่เรื่องความสะอาดหรือเชื้อโรคอะไรหรอกนะครับ แต่ตำรวจจะพิจารณาจากจากสีรถและป้ายทะเบียนว่ายังสามารถมองเห็นชัดเจนอยู่หรือไม่ หากคันไหนเพื่อนเอานิ้วมาเขียนว่า “คนล้างไปนอก” ได้ชัดเจนล่ะก็ เขาจะตีความว่ารถของคุณสกปรก! นั่นเองครับ

ผลการศึกษาจากบล็อกของเว็บให้เช่ารถแห่งหนึ่งรายงานนอกจากเรื่องพวงมาลัยที่สกปรกๆสุดแล้ว เจ้าของรถส่วนใหญ่ยังทำความสะอาดรถปีละครั้งเท่านั้น!

ผลการสำรวจเผยความสกปรกภายในรถ
โดยพวงมาลัยรถยนต์นั้นสกปรกกว่าแผ่นรองนั่งชักโครกถึง 4 เท่า มีจำนวนแบคทีเรีย 629 หน่วย CFU ต่อตารางเซนติเมตร สกปรกกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนถึง 6 เท่า และสกปรกมากกว่าปุ่มลิฟท์โดยสารถึง 2 เท่า

รายงานยังระบุอีกด้วยว่า 12 เปอร์เซนต์ของคนอเมริกันไม่เคยทำความสะอาดภายในรถโดยสาร ซึ่งมีส่วนทำให้แบคทีเรียเพิ่มปริมาณมากขึ้น

บางส่วนของความสกปรกนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นิสัยมักง่ายหลายๆอย่างเป็นส่วนสร้างความสกปรก อาทิ การกินอาหารหลังพวงมาลัย ซึ่งมีจำนวนชาวอเมริกันถึง 20 เปอร์เซนต์ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ทำให้เกิดกลุ่มแบคทีเรียปริมาณมาก

“เฟรนซ์ฟรายที่ทำหล่นไว้ระหว่างเบาะและคอนโซลกลางรถหรือคราบนมจากขวดนมบนเบาะที่นั่งด้านหลังก่อให้เกิดการเพาะเชื้อแบคทีเรีย” ผลการวิจัยระบุเพิ่ม

“การปิดกระจกและจอดรถตากแดด เศษอาหารที่หกเหล่านี้ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของแบคทีเรียไปทั่วรถ

ความสกปรกยังคงมีต่อเมื่อเริ่มเติมน้ำมัน ผลการวิจัยเผยถึงที่เปิดฝาถังน้ำมันนั้นสกปรกกว่าปุ่มบนลิฟท์โดยสารถึง 6,428 เท่า และสกปรกมากกว่าฝารองนั่งของห้องน้ำสาธารณะถึง 11,835 เท่า

ปุ่มที่อยู่ในปั้มต่างๆของประเทศอเมริกา ซึ่งปั้มหนึ่งๆสามารถกดเลือกน้ำมันได้หลากหลายแบบ โดยต้องให้ผู้เติมเลือกประเภทน้ำมันผ่านการกดปุ่มก่อนที่จะหยิบหัวจ่ายน้ำมัน มีแบคทีเรียถึง 2.6 ล้าน CFU หน่วย หรือมากกว่าหัวจ่ายน้ำมันถึง 600,000 เท่า

สรุป

วิธีการที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงเชื้อโรคและสิ่งสกปรกนี้ อย่างแรกคือการทำความสะอาดรถ งานวิจัยแนะนำให้ทำความสะอาดสิ่งต่างๆที่ต้องสัมผัสภายในรถ เปลี่ยนแผ่นกรองแอร์ ทำความสะอาดกุญแจรถ และดูดฝุ่นเบาะ รวมถึงให้ผู้ขับรถล้างมือหลังจากเติมน้ำมันด้วยตัวเองอีกด้วย

อ้างอิง

https://www.sanook.com/

https://mydeedees.com/%e0%b8%9e%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%81-%e0%b8%a2%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%8a/