ย้ำแค้นหรือถอนแค้น! 5 ประเด็น แมนยู รับมือ แมนซิตี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสได้ถอนแค้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เร็วกว่ากำหนดเมื่อพวกเขาต้องปะทะกันในเกม คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรกที่สนามโอดล์ แทร็ฟฟอร์ด โดยงานนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หมายมั่นปั้นมือให้ลูกทีมจัดการ "ผีแดง" ให้อยู่หมัดแมตช์นี้ให้ได้
ขณะเดียวกัน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็พร้อมที่จะตอกย้ำฝังแค้นให้กับเพื่อนบ้านอีกเกม โดยคาดหวังที่จะใช้แนวทางการเล่นสวนกลับเร็ว ด้วยศักยภาพแนวรุกที่เต็มไปด้วยแข้งสเปีดเร็วกกว่านรก เหมือนกับในเกมพรีเมียร์ลีก นัดแรกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
สำหรับโทรฟี่รายการนี้ หลายทีมอาจจะมองว่าเป็นรายการเล็ก แต่สำหรับ "เรือใบสีฟ้า" และ "ปีศาจแดง" หวังที่จะคว้ามาครองให้ได้ เพราะจะเป็นการกระตุ้นความมุ่งมั่นของลูกทีมในการกลับมาทวงความสำเร็จให้กับสโมสรในอนาคต
1. แมนยู หวังตอกย้ำความช้ำใส่เพื่อนบ้าน
หากมองจากสถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานี้ แน่นอนว่าหลายคนยกหางให้ "เรือใบสีฟ้า" เหนือกว่าเพื่อนบ้าน "สีแดง" หลายเท่า ไล่ตั้งแต่ตัวนักเตะไปจนถึงกึ๋นของกุนซือ แต่ฟุตบอลเป็นลูกกลมๆ ที่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
อย่างในเกมลีกเมื่อเดือนที่ผ่านมา บรรดาเกจิลูกหนังต่างฟันธงว่า "ปีศาจแดง" โดนเพื่อนบ้านน่ารำคาญไล่ถลุงแน่ๆ เพราะเล่นในเอติฮัด สเตเดี้ยม แถมขุมกำลังของเจ้าบ้านก็กำลังคึกสุดๆ แต่บทสรุปกลายเป็นว่า แมนฯ ซิตี้ โดน แมนฯ ยูไนเต็ด จัดการดับซ่า
ในเกมนั้นทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เผยให้เห็นจุดอ่อนสำคัญมากๆ นั่นก็คือการรับมือกับการเล่นสวนกลับเร็วของ "เร้ด เดวิลส์" ซึ่งเป็นจุดแข็งของ แมนฯ ยูฯ โดยเฉพาะ 3 ประสานเท้าติดจรวด มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล และ แดเนี่ยล เจมส์ วิ่งฉีกแนวรับแมนฯ ซิตี้ ไม่เหลือชิ้นดีโดยเฉพาะครึ่งชั่วโมงแรก (ซัดนำ 2-0)
จริงๆ แล้วในเกมนั้นหากแนวรุก "ผีแดง" มีความเฉียบคมมากกว่านี้บอกได้เลยว่าสกอร์ไม่ใช่แค่ 2-1 แน่ๆ สำหรับแนวรับของ แมนฯ ซิตี้ ยังคงมีปัญหาเพราะโดนเกมไล่บดขยี้ของ วูล์ฟส์ เล่นงานจนแพ้ ฉะนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะมีโอกาสตอกย้ำความเจ็บปวดใส่เพื่อนบ้านได้อีกครั้ง หากเล่นได้สุดยอดเหมือนกับเกมแรก
2. โทรฟี่ใบนี้ "เรือใบ" อยากได้
คำว่าโทรฟี่แชมป์ใครๆ ก็อยากได้ แถมเหลืออีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะได้แชมป์ยิ่งทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มุ่งมั่นอย่างมากที่จะนำถ้วยใบนี้มาประดับในตู้โชว์ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เพราะอย่างน้อยๆ ถือเป็นขวัญกำลังใจให้กับสโมสรในการสานต่อความสำเร็จในอนาคต
แน่นอนว่าตอนนี้การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของ แมนฯ ซิตี้ ดูเหมือนเลือนลางเหลือเกิน เพราะพวกเขาโดน ลิเวอร์พูล จ่าฝูงนำห่างถึง 14 คะแนนแถมยังแข่งมากกว่า 1 นัด ฉะนั้นการเบนเข็นไปสู่เป้าหมายที่ดูเหมือนจะง่ายกว่าน่าจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทัพ "เรือใบสีฟ้า"
ฉะนั้นการลุ้นคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ดูเหมือนเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน และหนทางสดใสเหลือเกิน (หากผ่าน แมนฯ ยูฯ ไปได้) ที่สำคัญในถ้วยใบนี้ แมนฯ ซิตี้ ครองอำนาจเหลือเกินเพราะพวกเขาคว้าแชมป์ 4 สมัยจาก 6 ฤดูกาลที่ผ่านมา และหากคว้าแชมป์ได้ในซีซั่นนี้ จะเป็นการคว้าแชมป์ 3 ปีติดต่อกัน และเป็นการสะสมโทรฟี่รายการสำคัญใบที่ 11 ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาของสโมสรด้วย
สถิติของ แมนฯ ซิตี้ ในการแข่งขันรายการนี้ถือว่าสุดยอดเพราะไม่เคยแพ้ใครเลยนับตั้งแต่ที่แพ้ "ปีศาจแดง" ในรอบ 4 เมื่อเดือนตุลาคม 2016 ที่สำคัญในรอบรองชนะเลิศ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมาพวกเขาถล่มยับไม่นับญาติ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน สโมสรจากระดับ ลีก วัน 9-0 ในเกมแรก
ดังนั้นด้วยความหวังที่จะคว้าแชมป์ เป๊ป คงสั่งลูกเน้นหนักมากกว่าเดิม และไม่ยอมพลาดเหมือนเกมแรกในลีกที่โดน แมนฯ ยูไนเต็ด สอยมาแน่ๆ
3. สภาพความฟิตปัญหาใหญ่แมนฯ ยูฯ
สำหรับตอนนี้ โซลชา คงได้แต่นั่งกุมขมับกับจำนวนรายชื่อนักเตะตัวหลักที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน รายล่าสุดก็เป็น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมเสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ 0-0 ศึกเอฟเอ คัพ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยตอนนี้นักเตะจะต้องทดสอบเรื่องความฟิตว่าพร้อมสำหรับเกมสำคัญนี้ไหม
ขณะที่ เจสซี่ ลินการ์ด และ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล ที่โดนอาการป่วยเล่นงานทำให้พลาดลงสนามเกมล่าสุด คงต้องลุ้นกันว่าจะหายป่วยและกลับมาช่วยทีมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูฯ ต้องขาดพลังขับเคลื่อนในแดนกลางจาก ปอล ป็อกบา และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ แน่นอน ในเกมนี้
ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าจะพอใจชื้นอยู่บ้างเพราะพวกเขาได้ นิโกลัส โอตาเมนดี้ กลับมาฟิตสมบูรณ์เพื่อคอยยืนคุมแนวรับให้กับทีม ส่วน เอมเมอริค ลาป๊อร์ก กับ เลรอย ซาเน่ ยังคงต้องรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ส่งผลให้หมดสิทธิ์ช่วยทีมแน่นอน
4. กองกลาง แมนยู น่าเป็นห่วง
การที่ไม่มี ป็อกบา กับ แม็คโทมิเนย์ ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะเมื่อมองรายชื่อในแผงมิดฟิลด์บอกเลยว่า "ผีแดง" น่าเป็นห่วงเหลือเกินเพราะพวกเขาคงจะต้องใช้งาน อันเดรียส เปเรยร่า โดยมี เฟร็ด เป็นคู่หูในการขับเคลื่อนเกมรุก
ส่วน เนมานย่า มาติช คงต้องทำหน้าที่เป็นโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ เพราะทั้ง เจมส์ การ์เนอร์ และ ดีแลน เลวิทท์ น่าจะยังไม่ฟิตเต็มร้อยสำหรับการลงเล่นตัวจริง ฉะนั้น "น้าลูกอม" มีต้องเลือกไม่มากนักในตำแหน่งนี้
ย้อนมาดูแผนมิดฟิลด์ แมนฯ ซิตี้ บอกเลยว่าเหนือชั้นกว่าเยอะแค่ชื่อของ เดวิน เดอ บรอยน์ ก็บอกเลยว่ากินขาด ไหนจะมี โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน รวมไปถึง ดาบิด ซิลบา ไม่ว่าจะส่งใครลงสนามร่วมกับ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ก็น่าจะบดขยี้กองกลางคู่อริร่วมเมืองได้
ฉะนั้นหากแผงมิดฟิลด์ "เรือใบสีฟ้า" เล่นเข้าฝัก งานนี้คงยากที่จะมีอะไรมาหยุดยั้งพวกเขาแน่นอน
5. วาทะกุนซือ
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ : หวั่นใจเกมเร็ว แมนฯ ยูฯ
"เกมนี้คงจะเหมือนเดิม แต่แน่นอนว่า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันมีอะไรที่แตกต่าง แต่พวกเขาเป็นทีมที่สร้างการเล่นที่เน้นใช้ความเร็ว เมื่อพวกเขามีพื้นที่ว่างในการวิ่ง แน่นอนว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่ในอังกฤษเท่านั้น ผมเคยพูดไปแล้ว เพราะพวกเขามีนักเตะที่รวดเร็วมากๆ ทั้ง (แดเนี่ยล) เจมส์, (เมสัน) กรีดวู้ด, (อองโตนี่ย์) มาร์กซิยาล , (มาร์คัส) แรชอร์ด และ (เจสซี่) ลินการ์ด เราจำเป็นต้องลดความผิดพลาดในจังหวะการขึ้นเกม เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเรื่องนี้ แต่เราต้องเล่นในสไตล์ของเรา"
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : การดวลแมนฯ ซิตี้ เกมนี้ไม่เหมือนแมตช์แรกในลีก
"พวกเขาสามารถกลับมาคว้าชัยชนะได้ในแต่ละเกมที่ลงเล่น แต่นี่เป็นเกมดาร์บี้แมตช์เมื่อเราต้องสู้กันคุณจะรู้ได้เลยว่ามันเต็มไปด้วยอะดรีนาลีน และบรรยากาศที่สุดยอด โดยทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงเกมได้ตลอดเวลา การตัดสินของกรรมการ, โชคดวง, อาการบาดเจ็บ, ใบแดง แต่เรารู้ว่าพวกเขาเป็นทีมชั้นยอด ผมชื่นชมทีมของเป๊ปมากๆ พวกเขายกระดับตัวเองด้วยการตั้งมาตรฐานให้สูงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ มีสองเกมที่ต้องลงแข่ง (เหย้า-เยือน) ฉะนั้นเราต้องรู้ว่าเมื่อเกมนี้จบมันเป็นแค่การพักครึ่งเท่านั้น เรายังต้องไปเยือนเอติฮัด ฉะนั้นเราต้องจบงานของเราให้ดีที่สุดในเกมวันพรุ่งนี้ (วันอังคาร)"
bebezahara.com
|