กลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จากการที่ เลอ10สปอร์ต สื่อของประเทศฝรั่งเศส อ้างว่า เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ลา ลีกา สเปน กำลังเดินเครื่องอย่างเต็มที่ในการไล่ล่าตัว ซาดิโอ มาเน่ ปีกคนเก่งของ ลิเวอร์พูล
    ว่ากันว่าคนของ "ราชันชุดขาว" ได้ติดต่อกับทีมงานของ มาเน่ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการย้ายทีมในเบื้องต้นไปแล้ว แถมเคยลือกันว่า ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ เรอัล ก็ได้พูดกับคุย มาเน่ แบบลับสุดยอดไปแล้วเหมือนกัน โดยที่จริง เรอัล ก็ตกเป็นข่าวกับ มาเน่ ในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้เหมือนกัน

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีนักเตะ 4 คน ที่เซ็นสัญญาย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปเล่นให้ เรอัล โดยตรง และวันนี้เราจะมาย้อนดูกันว่าชีวิตของทั้ง 4 แข้งรายดังกล่าวเป็นยังไงกันบ้าง

- สตีฟ แม็คมานามาน (ย้ายทีมปี 1999, ไร้ค่าตัว)

"แม็คก้า" เป็นขวัญใจของเหล่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลังจากที่เขามักจะโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกับการยืนเป็นมิดฟิลด์ให้ทีมจนช่วยให้ทัพ "หงส์แดง" ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แถมเขายังเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล เองด้วย ซึ่งหลายคนก็เคยคิดว่าเขาคงจะอยู่กับทีมไปจนแขวนสตั๊ด น่าเศร้าที่ในโลกของ "ฟุตบอลอาชีพ" อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม็คมานามาน คุยเรื่องการต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล ไม่ลงตัว และท้ายที่สุดแล้ว แม็คมานามาน ก็ตกลงเซ็นสัญญาย้ายไปเล่นกับ เรอัล แบบไร้ค่าตัวล่วงหน้า ในช่วงที่เขายังเหลือสัญญากับ ลิเวอร์พูล อยู่อีก 5 เดือน ซึ่งตอนนั้นการย้ายทีมของเขาสร้างความฮือฮาได้มากพอตัว และในตอนนั้นเขาก็กลายเป็นนักเตะชาวอังกฤษคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่เล่นให้ เรอัล

ในฤดูกาลแรก แม็คมานามาน ทำผลงานได้ดีพอตัว และมีส่วนช่วยให้ทีมได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 1999-2000 พร้อมลงเล่นไป 47 นัดในทุกรายการ แต่พอซีซั่นต่อมา เรอัล กลับพยายามขายเขาอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะทำให้บัญชีมันดีขึ้น หลังจากที่พวกเขาทุ่มเงินคว้าตัว หลุยส์ ฟิโก้ มาร่วมทัพ โดยตอนนั้น เรอัล อยากขายเขามากๆ จนถึงขนาดปฏิเสธที่จะให้เบอร์เสื้อกับเขาสำหรับการลงเล่นฤดูกาล 2000-01 ด้วยซ้ำ

แม็คมานามาน ต้องพยายามอยู่นานกว่าที่จะเอาชนะใจ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ของทีม และคนใหญ่คนโตของ เรอัล ได้ จนได้ลงเล่นไป 42 นัดในทุกรายการ พร้อมกับช่วยให้ทีมได้แชมป์ ลา ลีกา ในซีซั่น 2000-01 ไปครอง ขณะที่พอถึงฤดูกาล 2001-02 แม็คมานานมาน ก็ได้ลงเล่นไป 38 นัดในทุกรายการ พร้อมได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีกกับทีมอีก 1 สมัย น่าเศร้าที่ตอนจบมันไม่สวยหรูเท่าไหร่ เพราะในฤดูกาล 2002-03 เขากลายเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ จนได้ลงเล่นไปเพียง 25 นัดในทุกรายการ และต้องบอกลาทีมด้วยการไปเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

- ไมเคิ่ล โอเว่น (ย้ายทีมปี 2004, ค่าตัว 8 ล้านปอนด์)

แม้ว่าจะเคยทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ได้เป็นกอบเป็นกำจนเป็นขวัญใจของ "เดอะ ค็อป" แต่เส้นทางของ โอเว่น กับ ลิเวอร์พูล ก็ต้องจบลงแบบร้าวฉาน โดยข่าวลือเรื่องการย้ายทีมของ โอเว่น เริ่มรุนแรงก็ตอนที่ เชราร์ อุลลิเย่ร์ โดนปลดออกจากการเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ก่อนที่เขาจะได้บอกลาทีมจริงๆ

อย่างไรก็ตาม โอเว่น ก็ต่างกับ แม็คมานามาน แบบฟ้ากับเหว เพราะเขาทำผลงานได้แย่ในช่วงออกสตาร์ตจนทำให้เขาเป็นได้เพียงตัวสำรองอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งโดนแฟนบอลกับสื่อสเปนตำนิเอย่างหนัก ก่อนที่สุดท้ายเขาจะโดนปล่อยออกจากทีมในปี 2005 หรือก็คือหลังอยู่กับทีมได้แค่ปีเดียว ด้วยผลงาน 16 ประตู จากการลงเล่น 45 นัดในทุกรายการ และไม่มีแชมป์ติดมือเลย

- อัลบาโร่ อาร์เบลัว (ย้ายทีมปี 2009, ค่าตัว 5 ล้านปอนด์)

หลังจากมาหาประสบการณ์ในประเทศอังกฤษกับ ลิเวอร์พูล เป็นเวลา 3 ฤดูกาล อาร์เบลัว ก็ตัดสินใจกลับไปเล่นที่บ้านเกิดกับ เรอัล ในปี 2009 โดยมันถือเป็นการหวนซบ "ราชันชุดขาว" ด้วย เพราะเดิมทีเขาก็เคยอยู่กับอะคาเดมี่ของ เรอัล มาก่อน เพียงแต่ตอนนั้นไม่สามารถขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้ทีมชุดใหญ่ได้

ทั้งนี้ การมาอยู่กับ เรอัล เป็นหนที่สองของ อาร์เบลัว ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่แสนสุข ต่างกับก่อนหน้านี้แบบฟ้ากับเหว เพราะนอกจากซีซั่น 2015-16 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีมแล้วนั้น เจ้าตัวก็ได้ลงเล่นอย่างน้อยฤดูกาลละ 30 เกมในทุกรายการทุกซีซั่น และได้แชมป์มากมายก่ายกอง อย่างเช่นแชมป์ลีก 1 สมัย, แชมป์ โกปา เดล เรย์ 2 ครั้ง และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 หน เป็นต้น

- ชาบี อลอนโซ่ (ย้ายทีมปี 2009, ค่าตัว 30 ล้านปอนด์)

นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับ "เดอะ ค็อป" ที่ อลอนโซ่ ต้องบอกลา ลิเวอร์พูล ทั้งที่เขาอยู่กับทีมมาถึง 5 ปี และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับทีม โดยว่ากันว่าใจจริงแล้ว อลอนโซ่ ไม่เคยต้องการหันหลังให้ แอนฟิลด์ เลย เพียงแต่เขามีปัญหากับ ราฟาเอล เบนิเตซ อย่างมาก จนทำให้ไม่สามารถอยู่ถ้ำเดียวกันได้

เช่นเดียวกับกรณีของ อาร์เบลัว มิดฟิลด์ชาวสแปนิชถือเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของ เรอัล เกือบทุกฤดูกาล ยกเว้นซีซั่น 2014-15 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เขาโดนปล่อยไปให้ บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่ต้นซีซั่น พร้อมได้แชมป์หลายรายการกับทีม อย่างเช่นแชมป์ลีก 1 หน, แชมป์ โกปา เดล เรย์ 2 ครั้ง และแชมป์ แชมเปี้่ยนส์ ลีก 1 สมัย เป็นต้น

เพิ่มเติม : villagerestaurantgroup.com