อันที่จริงสัญญาณแรก ๆ ที่คุณควรจะสังเกตตัวเองได้ว่าตัวเองอาจจะกำลังมีความรัก ก็คือคุณเริ่มมีความต้องการที่จะมองหน้าใครสักคนนาน ๆ และอยากที่จะเข้าไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาหรือเธอเกินความจำเป็นในบริบทนั้น ๆ การที่คุณสนใจใครสักคนในบริบทของความรัก สายตาของคุณจะมุ่งความสนใจไปที่ใบหน้าพวกเขาเป็นหลัก แต่คุณก็รู้สึกเขินอายนะเวลาที่คุณได้สบตาเขาหรือเธอ และก็มีความกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะแอบมองหน้าพวกเขาด้วย (ใจคืออยากมอง) คุณจะลังเล ใจหนึ่งคุณอยากหลบตาเพราะกลัวว่าสายตาตัวเองจะบอกเจตนาหรือความรู้สึกชัดเจนเกินไป ทว่าอีกใจก็คือถ้าเอาแต่หลบตา ทำเป็นไม่มองไม่สนใจ ก็กลัวเสียเวลาและเสียใจที่ไม่ได้ (แอบ) มองหน้าพวกเขานาน ๆ
4. คุณอยากใกล้ชิดกับเขาหรือเธอตลอดเวลา
แน่นอนว่ามันคงเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดสำหรับคนที่เคยอยู่แบบโสด ๆ มาโดยตลอด เมื่อจู่ ๆ คุณก็เอาแต่คิดถึงคนคนนั้นตลอดเวลา รู้สึกอยากจะใกล้ชิด อยากจะเจอหน้า จนบางครั้งคุณอาจจะรู้สึกละอายใจนิด ๆ ที่จับได้ว่าตัวเองชอบพาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับเขาหรือเธอบ่อยเกินไป คุณอาจจะรู้สึกแปลก แต่จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่คุณจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความรัก เพราะความรักในระยะต่าง ๆ ล้วนมีแรงขับที่เกิดจากสารเคมีในสมองทั้งสิ้น เมื่อคุณมีความรัก สมองจะถูกกระตุ้นในลักษณะที่คล้ายกับการติดสารเสพติด เพราะฉะนั้น ถ้าคุณกระวนกระวายอยากเจอใครสักคนอยู่ตลอดเวลา คุณกำลังถูกความรักเล่นงานเข้าให้แล้ว
5. คุณเริ่มไม่รังเกียจการพึ่งพาอาศัยกัน
การพึ่งพาอาศัยคนอื่นและรับผิดชอบชีวิตคนอื่นแม้เพียงเล็กน้อย เป็นเรื่องที่มักจะทำให้คนโสดรู้สึกไม่สบายใจ หลายคนไม่ชอบความรู้สึกที่จะต้องง้องอนขอความช่วยเหลือหรือพึ่งพาคนอื่นด้วยซ้ำไป เพราะคนโสดจะคุ้นเคยกับการทำอะไรคนเดียว รับผิดชอบแค่ตัวเอง ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง คนที่โสดมานาน พวกเขาจะพึ่งพาตัวเองและช่วยเหลือตัวเองได้แทบทุกอย่าง หากทำเองไม่ได้จนต้องพึ่งพาใคร ก็จะเป็นไปในวิถีที่ให้ค่าตอบแทน คุณจะนึกภาพการพึ่งพาด้วยหัวใจไม่ออกเลย แต่ความรักจะทำให้คุณมีมุมมองเชิงลบเกี่ยวกับการพึ่งพาคนอื่นลดลง มาจากความอยากใกล้ชิดและเป็นหนึ่งเดียว คุณไม่รังเกียจที่ต้องขอความช่วยเหลือจากใครคนนั้น และพร้อมเป็นที่พึ่งพิงให้พวกเขาด้วย
6. ความแตกต่างอาจจะดึงดูด แต่คุณพยายามมองหาความคล้ายคลึงมากกว่า
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาที่คุณชอบใครสักคน การได้รับรู้ว่าคุณกับเขาหรือเธอมีอะไรที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกันมาก ๆ มันเป็นความรู้สึกที่ดีต่อใจ มันสามารถทำให้คุณนั่งอมยิ้มได้ทั้งวันเมื่อนึกถึงความบังเอิญที่เขาหรือเธอมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับคุณเกินไป โดยเฉพาะนิสัยแปลก ๆ ที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกัน ความแปลกที่ทำให้คุณแตกต่างจากคนทั่วไปมาโดยตลอด กลับเป็นสิ่งที่แมตช์พวกคุณให้เข้ากันได้ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ มันเหมือนเป็นพรหมลิขิตที่ฟ้าส่งคนนี้ลงมาหาคุณเลย ก่อนหน้านี้ คุณอาจจะคิดว่าการที่คนเรามีอะไรที่ตรงข้ามกันจะดึงดูดกันและกัน ใช่! แต่มันดึงดูดเข้าหากันในระยะสั้นเท่านั้น หากคิดจะสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว คุณและคนรักมีแนวโน้มที่จะเหมือนกันมากกว่า
7. คุณถูกดึงดูดทางร่างกาย
อย่าพยายามโต้แย้งว่าความรัก (ในเชิงชู้สาว) ไม่มีความเกี่ยวข้องกับแรงดึงดูดทางเพศเลย เพราะในท้ายที่สุด เมื่อคุณรักใครสักคนและลงเอยด้วยการแต่งงานใช้ชีวิตคู่ มันก็มีเรื่องของเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ดี ความรักในระยะของความผูกพัน (เหนือกว่าความใคร่และความหลงใหล) ความต้องการทางเพศและพฤติกรรมทางเพศก็ช่วยให้คู่รักมีความใกล้ชิด เป็นความผูกมัด เป็นพันธนาการที่ทำให้คู่รักใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ดังนั้น เซ็กซ์เป็นหนึ่งในกลไกที่ทำให้คู่รักอยู่ด้วยกัน และเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์แห่งความรักที่สมบูรณ์ เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ (ตราบใดที่ควบคุมได้) ถ้าคุณจะรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดทางเพศและมีความต้องการทางเพศเมื่อตกหลุมรัก
https://mydeedees.com/%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89-%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%8d%e0%b8%8d%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b7%e0%b8%ad/
|