[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ติดต่อสอบถาม
blog สมาชิก
สถิติผู้เขียน blog 10 อันดับ
wave
[ มือใหม่ ]
2
admin
[ มือใหม่ ]
2
orean
[ มือใหม่ ]
2
KAT
[ มือใหม่ ]
1
yuy
[ มือใหม่ ]
1
aTon
[ มือใหม่ ]
1
fang
[ มือใหม่ ]
1
film
[ มือใหม่ ]
1
mild
[ มือใหม่ ]
1
Donus
[ มือใหม่ ]
1
บทความ blog ล่าสุดโดย
เพลงคริสต์มาสtortae
การดูแลรักษาสุภาพ ให้แข็งแรงaTon
ประเพณีวันเข้าพรรษาmild
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
อาเซียนDonus
การวาดภาพสีนำ้lovepop-123456
อาเซียนmikekung02
ลดความอ้วนสูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์yuy
ปรากฏการณ์ธรรมชาติMin-Mintra
ไลน์ โรงเรียนศรัทธาฯ

ติดต่อ สอบถาม

poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก

  

   เว็บบอร์ด >> >>
BMW i Vision Dee เปลี่ยนสีได้ เผยครั้งแรกที่สหรัฐ  VIEW : 149    
โดย หยาดฟ้า

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 538
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 18
Exp : 80%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 27.55.73.xxx

 
เมื่อ : ศุกร์ ที่ 20 เดือน มกราคม พ.ศ.2566 เวลา 21:13:52   

BMW เผยโฉมรถต้นแบบ BMW i Vision Dee ครั้งแรกในโลกที่งาน Consumer Electronics Show (CES) 2023
ที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าเป็นเวอร์ชันต้นแบบของ “ซีรี่ย์ 3” เจเนอเรชันถัดไปที่มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100%

BMW i Vision Dee เป็นรถยนต์ซีดานขนาดกลาง (Mid-size) ที่มีรูปลักษณ์อันล้ำสมัย โดยที่ Dee ย่อมาจากคำว่า “Digital Emotional Experience” ที่มุ่งเน้นสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนและรถยนต์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ชูไฮไลต์ด้วยเทคโนโลยี BMW Head-Up-Display ที่สามารถแสดงข้อมูลต่างๆ ทอดยาวตลอดความกว้างของกระจกบังลมหน้าแทนการใช้หน้าจอปกติ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูระบุว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกนำไปติดตั้งกับรถโปรดักชันที่ใช้แพล็ตฟอร์ม NEUE KLASSE สำหรับวางจำหน่ายจริงตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป

เทคโนโลยีแสดงข้อมูลแบบ HUD ดังกล่าวทำงานร่วมกับระบบสั่งงานแบบ BMW Mixed Reality Slider ที่อาศัยเซ็นเซอร์บนแผงคอนโซลเพื่อใช้ในการควบคุมข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏบนจอ HUD ผ่านการสัมผัสด้วยปลายนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่, คอนเทนท์ด้านระบบสื่อสาร และเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม หรือ Augmented Reality เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยังสามารถสัมผัสประสบการณ์แบบดิจิทัลของ BMW i Vision Dee ได้ตั้งแต่ก่อนขึ้นรถ ผ่านองค์ประกอบทั้งด้านกราฟิก, ไฟส่องสว่าง และเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ไฟหน้าและกระจังหน้าไตคู่แบบปิดทึบ ถูกพัฒนาให้มีลักษณะเป็น “Phygital” (เกิดจากการรวมกันของคำว่า Physical และ Digital) ที่มีลักษณะคล้ายหน้าจอสำหรับโต้ตอบกับมนุษย์หรือแสดงอารมณ์ในขณะนั้นได้

ตัวถังภายนอกของ BMW i Vision Dee ยังสามารถเปลี่ยนสีได้เองโดยอัตโนมัติ
โดยอาศัยเทคโนโลยี E Ink คล้ายกับที่พบใน BMW iX Flow ซึ่งเคยเปิดตัวในงาน CES 2022 ครั้งก่อน แต่คราวนี้บีเอ็มดับเบิลยูได้เพิ่มขีดความสามารถให้ปรับเปลี่ยนสีตัวถังได้ถึง 32 สี บนพื้นที่ที่ถูกแบ่งแยกออกเป็นทั้งหมด 240 ส่วน (จากเดิมที่มีเฉพาะสีดำและสีขาว ซึ่งสามารถผสมกันกลายเป็นสีเทาได้อีกหลายเฉด) ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบในเวลาเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น

ภายในห้องโดยสารของรถคันนี้ยังถูกออกแบบให้ลดการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็น ควบคู่ไปกับการลดจำนวนปุ่มควบคุมและตัดหน้าจอแบบเดิมออกไป ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูระบุว่าจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังมาพร้อมพวงมาลัยดีไซน์แปลกตาที่ติดตั้งก้านแนวตั้งบริเวณกึ่งกลางของพวงมาลัย ก่อให้เกิดจุดสัมผัสที่จะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อผู้ขับขี่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น ทั้งนี้การออกแบบดังกล่าวยังช่วยสนับสนุนแนวคิด “มืออยู่บนพวงมาลัย, ตาจ้องมองไปยังถนน” เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุดนั่นเอง

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่า BMW i Vision Dee จะถูกต่อยอดกลายเป็น 3 Series ขุมพลังไฟฟ้า 100% ในอนาคต ซึ่งจะถูกเปิดตัวในปี 2025 ที่จะถึงนี้
https://mydeedees.com/bmw-i-vision-dee-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89-%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%a2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87/