"อย่างไรก็ตามเพิ่งมีข่าวหลุดออกมาว่า เมสซี่ กองหน้าสตาร์ดังจากบาร์เซโลน่าจะคว้ารางวัล บัลลงดอร์ 2019 และได้เป็นสมัยที่ 6 ของตัวเองไปครอง หลังจากนักเตะได้รับแจ้งจากทีมงานของนิตยสาร ฟร้องซ์ ฟุตบอล ผู้จัดรางวัลนี้ก่อนที่จะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคมนี้
จาเหตุดังกล่าวจะทำให้ เมสซี่ ปาดหน้าดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ ที่ถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ดังกล่าวเป็นครั้งแรกตามอัตราต่อรองจาก แล็ดโบร๊กส์ บริษัทรับพนันถูกกฎหมายต่างประเทศ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม เมสซ๊่ จึงไม่คู่ควรที่จะได้บัลลงดอร์ในปีนี้
1.ผลงานส่วนตัว
หากย้อนกลับไปเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เมสซี่ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่แล้ว เจ้าตัวยังกดไปถึง 51 ประตู รวมทุกรายการ 50 นัด ซึ่งด้วยผลงานที่โดดเด่นดังกล่าวทำให้ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ได้รับเลือกให้ซิวรางวัลแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของ ฟีฟ่า มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยปาดหน้าสองผู้ท้าชิงอย่าง โรนัลโด้ และ ฟาน ไดค์ แต่ถึงกระนั้นหากมองจากภาพรวมแล้วเจ้าตัวก็ยังดูเป็นรอง ฟาน ไดค์ ที่ได้ทั้งรางวัลแข้งยอดเยี่ยมพีเอฟเอในซีซั่นที่แล้ว พร้อมกับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2019 ของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป
2.ผลงานทีมชาติย่ำแย่
สำหรับผลงานในนามทีมชาติของ เมสซี่ นั้นยังคงเป็นสิ่งที่เจ้าตัวยังเฝ้ารอคอยในการประสบความสำเร็จมาตลอดอาชีพการค้าแข้ง หลังจากตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามักจะมีผลงานไม่ดีในการรับใช้ชาติอยู่เสมอ
ย้อนไปในศึกโคปา อเมริกา 2019 ขุนพลฟ้าขาวก็ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันจากการโดนบราซิลเจ้าภาพเขี่ยตกรอบด้วยสกอร์ 2-0 แถมซ้ำร้าย เมสซี่ ยังมาสร้างเรื่องฉาวเริ่มจากการปะทะเดือดกับ การี เมเดล กองหลังทีมชาติชิลี ในนัดชิงอันดับสามจนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้หลังจบเกมดังกล่าวเจ้าตัวยังสร้างประเด็นต่อเนื่องด้วยการปฏิเสธที่จะขึ้นรับเหรียญรางวัลพร้อมกับให้สัมภาษณ์ในเชิงลบต่อฝ่ายจัดการแข่งขันแบบไม่พอใจนัก โดยกล่าวว่า มีการจัดฉากให้บราซิลคว้าแชมป์ในรายการนี้ ก่อนจะโดนสมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ หรือ คอนเมโบล สั่งลงโทษแบนจากการรับใช้ชาติ 3 เดือนในเวลาต่อมา
จากผลงานดังกล่าวมันสวทางกับอีกสองแคนดิเดตอย่างชัดเจน หลังจาก โรนัลโด้ สามารถพาทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีกได้สำเร็จจากการเอาชนะ ฮอลแลนด์ ของ ฟาน ไดค์ ที่ทะลุเข้าชิงชนะเลิศรายการนี้ ซึ่งดูจากผลงานกับทีมชาติแล้ว เมสซี่ ยังไงก็ดูเป็นรอง
3.ล้มเหลวในแชมเปี้ยนส์ลีก
ในฟุตบอลถ้วยบิ๊กเอียร์ของยุโรปเมื่อซีซั่นที่แล้ว เมสซี่ โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม กระซวกไป 12 ประตูพาทีมทะลุสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 ไปเจอกับ ลิเวอร์พูล
การเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-0 ในเลกแรกนั้น ทำให้พวกเขาถูกคาดหมายว่าจะผ่านเข้าสู่รอบชิงฯได้แบบไร้ปัญหา แต่ทว่าในเกมแลกที่สองเกิดเหตุการณ์สุดช็อคขึ้นเมื่อทีม ""อาซูลกราน่า"" บุกมาแพ้ ""หงส์แดง"" 4-0 ทำให้ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ต้องอกหักจากถ้วยใบนี้ไปอีกหนึ่งปี
ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาต้องตกเป็นรอง ฟาน ไดค์ ที่สุดท้ายพาต้นสังกัดเถลิงคว้าถ้วย ""บิ๊กเอียร์"" ได้สำเร็จ แน่นอนทุกคนรู้ดีว่าสำหรับถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการคว้าบัลลงดอร์มาหลายปีแล้วและจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ดาวเตะวัย 32 ปีต้องอกหักไปอีกหนึ่งปี "
|