[ คลิกที่รูปเพื่อดูขนาดจริง ]

อาร์เจนตินา ดีกรีทีมแชมป์อเมริกาใต้หนล่าสุด เข้ามาเล่นใน ฟุตบอลโลก 2022 พร้อมกับถูกยกให้เป็นทีมเต็งจากหลาย ๆ สำนัก

และยังเป็นขวัญใจของแฟนบอลอีกหลายคนที่ต้องการจะเห็นนักเตะอันดับหนึ่งแห่งยุคอย่าง ลิโอเนล เมสซี ประสบความสำเร็จกับโอกาสครั้งสุดท้าย ได้ชูถ้วยแชมป์โลกเหมือนกับเหล่าตำนานนักรุ่นพี่หลาย ๆ คนเสียที

แต่แล้วเริ่มมานัดแรกความฮึกเหิมของเหล่าแฟน ๆ ทีมฟ้า-ขาว ก็หายเกลี้ยงไปจนหมดสิ้น หลังจากทีมรักพลาดท่าพ่ายต่อ ซาอุดิอาระเบีย ไป 2-1 ชนิดที่ไม่เห็นทรงของความเป็นยอดทีมเลยแม้แต่น้อย โชคดีที่หลังจากนั้นเกมกับ เม็กซิโก และ โปแลนด์ พวกเขาสามารถเอาชนะมาได้จนได้ผ่านเข้ารอบต่อไป ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้เล่นดีอะไรมากมายเพียงแต่พวกเขามียอดคนอย่าง ลิโอเนล เมสซี เป็นที่พึ่งสุดท้ายในยามคับขันนั่นเอง

นัดที่พบกับ เม็กซิโก รูปเกมก็มั่วซั่วไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรเลยกระทั่งโอกาสสับไกครั้งเดียวของ เมสซี ด้วยซ้ายจากนอกกรอบ บอลพุ่งผ่านมือ กิเญร์โม โอชัว เสียบมุมเข้าไปอย่างงดงามซึ่งนั่นทำให้ ทัพอาร์เจนตินา เล่นได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้นก่อนจะมาบวกประตูที่สองได้อีกลูกในช่วงท้ายเกมและคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ไปครอง

หลังจากนั้นเกมกับ โปแลนด์ ทรงของ อาร์เจนตินา ดูดีขึ้นกว่านัดก่อน ๆ การสร้างสรรค์เกมรุกดูไหลลื่นมีแบบแผน แม้ในช่วงครึ่งแรก เมสซี จะพลาดจุดโทษ แต่นั่นก็แทบไม่ส่งผลต่อสภาพจิตใจใด ๆ โดยสตาร์หมายเลข 10 รายนี้ยังคงมุ่งมั่นกับทุกวินาทีตรงหน้าพร้อมกับสร้างสรรค์จังหวะสวย ๆ ให้ทีมได้หลายครั้งก่อนจะจบด้วยชัยชนะ 2-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้อย่างหวุดหวิด

ส่วนในรอบน็อคเอาท์หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมาพวกเขาเจอกับทีมรองบ่อนอย่าง ออสเตรเลีย ที่เกือบมีหวาดเสียวในช่วงท้ายเกม โดยเริ่มมาเป็น อาร์เจนตินา ที่ครองบอลบุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียวแต่ก็ยังไม่สามารถเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายได้

และแล้วก็เป็น เมสซี อีกเช่นเคยที่โผล่มาจากไหนไม่รู้กดด้วยซ้ายบอลพุ่งสู่ก้นตาข่ายเป็นประตูที่ 3 ของตัวเองในทัวร์นาเมนต์นี้และเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในฟุตบอลโลกรอบน็อคเอาท์ แถมหลังจากนั้น ทัพจิงโจ้ จำเป็นต้องเปิดเกมบุกแลกหวังเอาประตูคืน ทำให้ เมสซี มีพื้นที่ได้ลากเลื้อยโชว์สกิลเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ สร้างโอกาสงาม ๆ ได้หลายต่อหลายครั้ง จนคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมทช์ หนที่สองไปหลังจบเกม

หากดูจากฟอร์ม 4 เกมแรกว่ากันตรง ๆ ถ้า อาร์เจนตินา ชุดนี้ไปถึงแชมป์ได้ต้องบอกว่าเป็นที่สุดแห่งปาฏิหาริย์ เพราะเท่าที่ดูมามุกเดียวที่เป็นทีเด็ดของพวกเขาเลยคือแค่ส่งบอลให้ ลิโอเนล เมสซี และปล่อยให้เขาร่ายมนต์มหัศจรรย์ไป ขณะที่นักเตะรายอื่น ๆ ก็แค่คอยทำชิ่งหรือมองหาว่า เมสซี อยู่ที่ไหนแค่นั้นเลยจริง ๆ

ซึ่งนี่เป็นจุดหนึ่งที่ดูแล้วรู้สึกได้ว่าทีมยังขาดมิติเรื่องความหวือหวาไป เพราะนักเตะที่ดึงตัวมาชุดนี้ส่วนใหญ่เป็นสตาร์มากประสบการณ์ที่ผ่านจุดพีคมาแล้วบวกกับแข้งฟอร์มเด่นกับสโมสรในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากเทียบกันตำแหน่งต่อตำแหน่งกับทีมอย่าง บราซิล ฝรั่งเศส หรือ อังกฤษ แน่นอนว่าเป็นรองชัดเจนแทบทุกตำแหน่ง

ซึ่งนั่นก็วนกลับมาว่าแล้ว อาร์เจนตินา จะไปสู้ทีมชั้นนำระดับนั้นได้อย่างไร คำตอบก็คือแค่มองหาสตาร์วัย 35 ปีที่แก่ปูนนี้ก็ยังคงต้องแบกทีมต่อไปอย่าง ลิโอเนล เมสซี นั่นเอง

ด้วยอายุขนาดนี้แต่ผลงานยังคงเรียกได้ว่าเป็นดาวค้างฟ้า อาจจะไม่ได้หวือหวามากมายเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ อาจจะมีเดินบ้าง ไม่ไล่บ้าง แต่เมื่อใดที่ทีมต้องการจุดเปลี่ยนซึ่งขอเพียงโอกาสเหน่ง ๆ แค่ครั้งเดียว เมสซี ก็พร้อมจะสร้างสิ่งที่น่าเหลือเชื่อได้เสมอ

แต่... อย่างที่ทราบกันดีว่า ทีมฟ้าขาว เองยังแทบไม่เจอบททดสอบที่แท้จริงในการพบกับทีมใหญ่เลย ซึ่งการพบกับ เนเธอร์แลนด์ส ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายนี้จะเป็นครั้งแรก ซึ่งแน่นอน หลุยส์ ฟาน กัล รู้ นักเตะฮอลแลนด์ทุกคนรู้ แฟนบอลทั่วโลกก็รู้ว่า เมสซี อันตรายเพียงใดและบทบาทของเขาสำคัญกับ อาร์เจนตินา แค่ไหน ซึ่งทีมระดับคุณภาพอย่าง อัศวินสีส้ม ย่อมมีวิธีการรับมือโดยเฉพาะเมื่อทีมคู่แข่งมีไม่ตายอยู่ท่าเดียวแบบนี้ ซึ่งก็อยู่ที่ ลิโอเนล สคาโลนี กุนซือของ อาร์เจนตินา แล้วว่าจะพลิกแพลงสถานการณ์นี้อย่างไร

นั่นทำให้บอกได้เลยว่าเหนื่อยแน่นอนหากจะลุ้นให้ อาร์เจนตินา ใช้แนวทางที่ว่า "คิดไรไม่ออกบอก เมสซี" ไปเรื่อย ๆ จนคว้าแชมป์ เพราะคน ๆ เดียวยังไงก็สู้ 11 คนไม่ไหว แต่... หากมันเกิดขึ้นจริง อาร์เจนตินา คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จในปีนี้ สาวก "คิงเลโอ" คงพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า....

ลิโอเนล เมสซี คือนักเตะที่ดีที่สุด "ตลอดกาล" ที่โลกใบนี้เคยมีมา!

ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวแวดวงกีฬา เทรนใหม่ๆ  ได้ที่