"สำหรับตัวผมเองนั้น ถ้าผมทำงานให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วล่ะก็ เชื่อผมเถอะว่าสิ่งแรกที่ผมจะทำคือตบหน้าเอเยนต์บางคน เพราะพวกเขาคือปัญหาที่แท้จริงจากการที่พวกเขาถือสิทธิ์ควบคุมนักเตะในความดูแลอย่างมาก ตื่นกันได้แล้วพวก (หมายถึงเหล่านักเตะ) นี่คือชีวิตของพวกนาย มันคือชะตากรรมของพวกนาย เอเยนต์ของพวกนายน่ะถึงแม้บางคนจะนิสัยดีแต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามองว่านายเป็นเพียงธนบัตร พวกเขามองว่านายเป็นแค่แหล่งทำเงินเท่านั้น พวกเขาไม่สนหรอกว่านายจะเจ็บหรือเล่นได้ดี ดังนั้นตื่นกันได้แล้วพวก นี่คือข้อความที่สำคัญถึงคนรุ่นใหม่ ถ้าเกิดเอเยนต์ของนายเคารพการตัดสินใจของนายแล้วล่ะก็ นายก็ควรจะใช้บริการเอเยนต์เหล่านั้นไปตลอดชีวิต แต่ถ้าพวกเขาอยากให้นายไปอยู่กับทีมใดทีมหนึ่งเพื่อที่จะได้เงินเยอะกว่าเดิมแล้วล่ะก็ พวกนายก็ไม่ควรอยู่กับเอเยนต์แบบนั้นต่อไป ชื่อฉันเถอะ:
"วันนี้ผมพูดเยอะมาก แต่เราจำเป็นต้องมีความสามัคคีกัน ที่ผมพูดเรื่องแย่ๆ บางอย่างเกี่ยวกับสโมสรมันก็เพราะเราทำร้ายผู้คนมาหลายปีแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขายินดีที่ได้เห็น แมนฯ ยูไนเต็ด ล่มสลาย ผมกำลังพูดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ เฟอร์กูสัน กับ เดวิด กิลล์ บอกลาทีมไป อย่างเช่นเราเอากุนซือที่มีประวัติดีๆ เข้ามาคุมทีม (แต่สุดท้ายกลับมีผลงานที่ย่ำแย่)"
"ฟังนะ โอเล่ คือคนที่ใช่ เขาคือคนที่เหมาะสมในตอนนี้ เพราะเขาเอาปรัชญาของทีมกลับมา ได้โปรดอย่ายุ่งกับ โอเล่ ปล่อยให้เขาทำงานของเขาไป แต่มาพูดถึงคนอื่นๆ ที่อาจจะไม่ควรอยู่กับสโมสรแห่งนี้ดีกว่า ผมจะพูดถึงชื่อที่เซนซิทีฟหน่อยก็แล้วกัน อย่างเช่น อัฟราม เกลเซอร์ กับ โจเอล เกลเซอร์ ผมบอกเลยว่าผมได้เจอกับ อัฟราม หลายครั้ง ผมรู้ดีว่าแฟนบอล ยูไนเต็ด หลายคนเกลียดตระกูลเกลเซอร์ แต่ที่จริง อัฟราม รัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และห่วงใยสโมสรมากๆ"
"ผมจำได้ว่าเคยเจอกับเขาในเกมกับ เปแอสเช วันนั้นผมเล่าเสียงตอบรับบางเรื่องให้เขาฟัง ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันมีฟีดแบ็กแบบนั้นเกิดขึ้น มันอาจจะเป็นเพราะคนที่เขาเชื่อใจและคนที่ดูแลสโมสรไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเขาก็ได้ ดังนั้นก่อนที่เราจะมาไล่ด้วยการตะโกนว่า -เกลเซอร์ ออกไป- น่ะ ผมขอให้ทุกคนใจเย็นๆ กันก่อนนะ"
"การจะทำงานให้กับสโมสรแห่งนี้คุณจำเป็นต้องเสียสละชีวิตของตัวเอง และมันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่นั่นเป็นทางเดียวที่คุณต้องทำหากอยากจะประสบความสำเร็จ บางคนอาจจะไม่เข้าใจถึงเรื่องนั้น ซึ่งผมก็เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นแบบนั้น แต่มันต้องยอมรับกันว่าขนาดบางคนที่อยู่กับสโมสรในตอนนี้ก็ไม่ได้นับถือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรอก เพราะบางคนยังโกรธที่เขาดัน เดวิด มอยส์ มาเป็นผู้จัดการทีม แต่คำถามก็คือ เดวิด มอยส์ ฟังคำแนะนำของเขารึเปล่า ผมเองก็ไม่มั่นใจในเรื่องนั้น"
"ดังนั้นอย่าทำลายความยิ่งใหญ่ของเรา เราทำงานอย่างหนัก เราทุกคนทำงานกันอย่างหนักเพื่อมัน คุณต้องเอาประวัติศาสตร์กลับมาสู่สโมสรให้ได้ คุณรู้ไหมว่ามีครั้งหนึ่งนักเตะอย่าง รอย คีน เคยกลับไปที่ แคร์ริง และพอเขาเดินลงไปในสนามที่มีเด็กๆ อยู่ด้วยน่ะ เด็กๆ เหล่านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่า รอย คีน คือใคร ดังนั้นผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรู้จัก บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ได้ยังไง นั่นคือความจริง"
"ตอนที่ผมสอบการเป็นโค้ชที่นั่นน่ะหลายคนคิดว่าผมจะพูดเกี่ยวกับเรื่องฟุตบอล แต่ผมบอกกับเด็กๆ ว่าตอนแรกที่ผมมาอยู่กับสโมรน่ะผมรู้สึกเหมือนกับได้อยู่ในช่วงคริสต์มาส เพราะตอนนั้นผมรู้สึกดีมากๆ ดังนั้นผมเลยบอกกับเด็กๆ ไปว่าคุณต้องเคารพทุกคนให้เหมือนตอนที่พวกเขาเคารพเพื่อนร่วมทีม, ผู้จัดการทีม, กับเกียรติของสโมสร ใช่ คุณต้องให้ความเคารพคนที่ทำความสะอาดตึกนี้, เชฟที่ทำอาหารให้ ในระดับเดียวกัน"
"เวลามาที่นี่น่ะคุณต้องทำให้ดีที่สุด และทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีๆ อย่างเช่นการยิ้มอยู่บ่อยๆ ผมไม่อยากให้เด็กๆ มีท่าทีหดหู่ เพราะการได้มาอยู่กับทีมนี้ถือเป็นเกียรติอย่างมาก นั่นคือข้อความที่เราต้องพูดกับเด็กๆ เหล่านี้ มันคือคุณค่าของสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ตอนนี้เรากลายเป็นสโมสรที่หลายคนหัวเราะเยาะใส่"
"เราปล่อยให้คนพูดแบบนั้นกับเรา หลายคนอาจจะบอกว่า -ปาทริซ พอนายพูดแบบนี้มันก็จะทำให้หลายคนด่าเราน่ะสิ- อ้าว แล้วคุณจะให้ผมพูดอะไรกันล่ะ ผมไม่สามารถโกหกคนอื่นได้ ผมไม่ชอบโกหก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแฟนๆ ทุกคน พวกเขาเป็นแฟนบอลที่ดีที่สุดในโลก ใช่ แฟนบอลของเราเป็นแฟนบอลที่ดีที่สุดในโลก สมัยก่อนแม้กระทั่งเวลาที่บางคนเล่นได้ห่วยแตกพวกเขาก็ยังไม่เคยโห่ใส่เราเลย แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถโห่ได้เป็นธรรมดา เพราะมันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้รับสิ่งที่ดีพอ"
"ผมจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เราแพ้ ลิเวอร์พูล 4-1 คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่สิ่งเดียวที่ผมได้ยินก็คือแฟนบอลที่ตะโกนว่า -ยูไนเต็ด ยูไนเต็ด ยูไนเต็ด- มันทำให้ผมรู้สึกอับอายมากๆ พอเราเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วน่ะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็พูดขึ้นมาว่า -เห็นไหม พวกแกได้ยินเสียงตะโกนนั่นไหม ตอนนี้พวกเราก็ต้องคว้าแชมป์ลีกมาให้พวกเขาให้ได้- ผมจำได้ว่าตอนนั้น ลิเวอร์พูล นำหน้าเราตั้ง 8 คะแนน แต่เราก็ยังได้แชมป์ลีกมาครอง"
"ดังนั้นมันก็ต้องไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะทั้งนักเตะเยาวชนหรือคนที่มีอายุเยอะแล้ว เมื่อคุณได้สวมเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเสื้อที่หนักอึ้ง แล้วน่ะ คุณก็ไม่ควรจะทิ้งมันไปดื้อๆ แต่ผมก็โทษพวกเขาได้ไม่เต็มที่หรอก เพราะตอนนี้พวกเขาไม่มีแบบอย่างที่ดี แต่อย่างน้อยก็ดูดีวีดีหรืออ่านหนังสือ (เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของทีม) สักหน่อยก็ได้"
"ที่จริงผมมีเรื่องที่อยากพูดอีกหลายเรื่อง แต่มันทำได้ยากมากๆ เอาล่ะ ขอให้มีความสุขกับวันจันทร์ และ ยูไนเต็ด ตลอดไป ผมไม่รู้ว่าจะพูดว่าผมรักเกมนี้ได้อย่างเต็มปากรึเปล่า แต่ผมก็จะทำ ผมรักเกมนี้ ฮ่าๆๆ"
เพิ่มเติม : silverwingflightservices.com
|