[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ติดต่อสอบถาม
blog สมาชิก
สถิติผู้เขียน blog 10 อันดับ
wave
[ มือใหม่ ]
2
admin
[ มือใหม่ ]
2
orean
[ มือใหม่ ]
2
KAT
[ มือใหม่ ]
1
yuy
[ มือใหม่ ]
1
aTon
[ มือใหม่ ]
1
fang
[ มือใหม่ ]
1
film
[ มือใหม่ ]
1
mild
[ มือใหม่ ]
1
Donus
[ มือใหม่ ]
1
บทความ blog ล่าสุดโดย
เพลงคริสต์มาสtortae
การดูแลรักษาสุภาพ ให้แข็งแรงaTon
ประเพณีวันเข้าพรรษาmild
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
อาเซียนDonus
การวาดภาพสีนำ้lovepop-123456
อาเซียนmikekung02
ลดความอ้วนสูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์yuy
ปรากฏการณ์ธรรมชาติMin-Mintra
ไลน์ โรงเรียนศรัทธาฯ

ติดต่อ สอบถาม

poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก

  

   เว็บบอร์ด >> >>
5 ประเด็นหงส์เฮ 6 นัดรวด   VIEW : 893    
โดย T

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 89
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 7
Exp : 61%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 64.120.120.xxx

 
เมื่อ : ศุกร์ ที่ 27 เดือน กันยายน พ.ศ.2562 เวลา 16:57:53   

 

5 ประเด็นหงส์เฮ 6 นัดรวด ตอนนี้ต้องยอมรับว่าฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล สุดยอดเกินห้ามใจจริงๆ เมื่อพวกเขาบุกชนะ เชลซี 2-1 ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ทีมคว้า 3 คะแนนจาก 6 เกมแรกเรียบวุธ และยังเป็นชัยชนะ 15 เกมติดต่อกันในลีก (รวมฤดูกาลที่ผ่านมา)
    แมตช์นี้ช่วงต้นเกม "หงส์แดง" ครองเกมได้เหนือกว่า แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าบ้านได้ ก่อนจะมาได้ทีเด็ดจากการเล่นฟรีคิกทำให้ทีมได้สองประตูสำคัญ ขณะเดียวกัน "สิงห์บลูส์" ต้องพลาดตีไข่แตกเมื่อ "วีเออาร์" ริบประตูของ  เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้

    อย่างไรก็ตามครึ่งหลัง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีความสำคัญกับ เชลซี มากแค่ไหน เพราะมีส่วนสำคัญทั้งเชื่อมเกม, คุมเกม, เติมเกมบุก (ยิงประตู 1-2) แถมยังมีบางจังหวะไปเล่นเกมรับซึ่งที่โดดเด่นก็คือตอนที่ปิดโอกาส โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขณะเลี้ยงจี้เข้าไปบริเวณเขตโทษช่วงกลางครึ่งหลัง


    3 คะแนนในแมตช์นี้ทำให้ ลิเวอร์พูล รั้งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น และทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 คะแนนเท่านั้น ขณะเดียวกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือคนหนุ่ม ต้องพยายามหายุทธวิธีเพื่อนำชัยชนะในยามเล่นที่บ้าน เพราะตั้งแต่เปิดซีซั่นพวกเขายังสะกดคำว่า "ชนะ" ในการเล่นเกมเหย้าไม่ได้เลย


1. เจ้าหนูเทรนต์พูดจริงทำจริง
    เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเมื่อจัดแอสซิสต์ไปถึง 12 ครั้งในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่เขาส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายเพียงแค่ 1 ประตูเท่านั้น โดยก่อนเกมกับ "สิงห์บลูส์" เจ้าตัวเป็นคนพูดเองว่าจะพยายามมพัฒนาเรื่องการยิงประตูให้ได้มากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา


    หลังจากผ่านไป 14 นาที "หนูเทรนต์" จัดการทำตามที่ตัวเองได้ลั่นวาจาเอาไว้ เมื่อ ลิเวอร์พูล มีโอกาสทำประตูจากจังหวะฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ และ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ จัดการตะบันด้วยเท้าขวาข้างถนัด บอลวิ่งทะลุอาการพุ่งราวกับจรวดก่อนไปสงบลงในตาข่าย

    ในขณะที่การเล่นเกมรับแน่นอนว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มักจะถูกตั้งข้อสงสัยในกรณีนี้บ่อยๆ แต่สำหรับแมตช์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าตัวไม่มีจังหวะการเล่นผิดพลาดให้เห็นเลยตลอดทั้งเกม สำหรับเกมบุกต้องบอกเลยว่าตอนนี้เขาทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

2. เซตพีซเด็ดขาดพึ่งพาได้
    หากมองย้อนกลับไปช่วงหลายๆ ปีก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเข้ามากุมบังเ***ยน บรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ลิเวอร์พูล ไม่มีทีเด็ดจากจังหวะฟรีคิก และลูกตั้งเตะทุกรูปแบบ โดยทุกครั้งที่ได้โอกาสแบบนี้เหมือนเป็นการสูญเปล่า

    สำหรับในยุคที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทัพ "หงส์แดง" ต้องบอกว่าการเล่นลูกตั้งเตะมีความหลากหลาย และสามารถสร้างโอกาสในการทำประตูให้กับทีมได้หลายต่อหลายครั้ง ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ ลิเวอร์พูล ทำเอาเกมรับคู่แข่งหวานสั่นทุกครั้งที่พวกเขาได้ลูกฟรีคิกไม่ว่าจะบริเวณส่วนไหนของสนามก็ตาม (ฝั่งคู่แข่ง)

    อย่างในจังหวะที่ได้ประตูขึ้นนำ จะเห็นได้ว่าหากเป็นปกติ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะทำหน้าที่สังหารทันที เพราะอยู่ในระยะทำการแต่อาจจะมุมน้อยไปนิด ทำให้เขาเลือกแตะให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ตะบันเต็มข้อล่อเต็มแข้งบอลพุ่งเร็วแรงยากที่  เกปา อาร์ริซาบาลาก้า จะพุ่งไปรับทัน

    ขณะที่ประตูที่สอง เป็นหน้าที่ของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายที่จัดการเปิดบอลอย่างแม่นยำให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ฉีกหนีตัวประกบมาเทกขึ้นโหม่งโล่งๆส่งบอลจมก้นตาข่าย เห็นได้ชัดว่าเมื่อเกมบุกตื้อตัน ลิเวอร์พูล ยังมีลูกตั้งแตะที่สามารถปลดล็อคการทำประตูได้ ที่สำคัญพวกเขาได้ประตูจากการเล่นเซตพีซอย่างน้อย 7 ลูกมากว่าทีมอื่นๆ ร่วมลีก


3. ก็องเต้โชว์ฟอร์มเวิลด์คลาส
    หลายครั้งที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เล่นไม่ได้มาตรฐานของตัวเองภายใต้การกุมบังเ***ยนของกุนซือเมาริซิโอ ซาร์รี่ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เพราะ นายใหญ่ชาวอิตาเลียน ดึงตัว  จอร์จินโญ่ มาจาก นาโปลี และเลือกใช้งานนักเตะในตำแหน่งโฮลดิ้งมิดฟิลด์


    การทำแบบนั้นหมายความว่า ก็องเต้ ซึ่งได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย (เลสเตอร์ และ เชลซี) ต้องโดนจับไปเล่นข้างหน้ามากขึ้นซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาถนัด และนำไปสู่การที่ สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศส ไม่สามารถงัดฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาได้

    อย่างไรก็ตามในยุคของ แลมพาร์ด ทุกอย่างกลับสู่ปกติ ก็องเต้ ได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัด และนี่คือเครื่องยืนยันว่า ซาร์รี่ คิดผิดมหันต์ที่จับนักเตะชั้นยอดไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมกับ โดยเกมนี้ อดีตแข้งเลสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจะเรียกความฟิตกลับมาลงสนามได้ แต่เขาเล่นเหมือนกับนักเตะที่ฟิตมาเต็มถัง

    ก็องเต้ สามารถคุมเกมได้กลางได้อยู่หมัด สามารถเปลี่ยนเกมรับให้เป็นเกมรุกได้ทันที และยังบุกไปป่วนบริเวณกรอบเขตโทษ "เดอะ เร้ดส์" ได้บ่อยๆโดยจะเห็นได้ชัดในจังหวะที่ได้ประตูตีไข่แตก เมื่อเขาโชว์ทักษะม้วนตัวพาบอลทะลุเข้าไปในเขตโทษโดยไม่มีแข้งผู้มาเยือนตามเข้าบีบกดดัน ก่อนจะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้อย่างงดงาม

     แม้ว่านี่อาจจะยังไม่ใช้ฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของ ก็องเต้ เพราะเขาเพิ่งจะหายเจ็บกลับบมา แต่ผลงานที่แสดงให้เห็นในวันนี้เล่นเอาจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ต้องตั้งรับแทบเสียกระบวน ฉะนั้นในเวลานี้ มิดฟิลด์เลือดเฟร้นช์ กลายเป็นแข้งกุญแจหลักที่ทีมขาดไม่ได้แล้ว

4. วีเออาร์ เปลี่ยนเกม
    ทีมเยือนมีเกมรุกที่หวือหวาจากการรังสรรค์ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ขณะที่แดนกลางก็ได้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คอยช่วยทำเกม ทำให้ในช่วงต้นเกม ลิเวอร์พูล ดูดีมีราคามากกว่าทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" พอสมควร

    ผ่านไปราวๆ 14 นาทีพวกเขาได้โอกาสกดดันจากฟรีคิก และเป็น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ทำให้อาคันตุกะได้ประตูขึ้นนำ จากนั้นก็มาได้ทีเด็ดในการเปิดบอลอย่างแม่นยำจาก โรเบิร์ตสัน ที่ทำให้ ฟีร์มีโน่ ได้โอกาสโหม่งสบายๆ ช่วยทีมหนีห่าง 2-0

     ขณะที่เจ้าบ้านเกือบได้ประตูตีไข่แตกจาก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แต่เมื่อเช็ก วีเออาร์ ปรากฎว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าก่อนหน้านี้ของ เมสัน เมาน์ท ไปก่อนแล้ว งานนี้หลายคนยอมรับว่าเกมลูกหนังมีความยุติธรรมมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แต่ขาดสีสันไปพอสมควร


    อย่างในเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อ สเปอร์ส ต้องพลาดได้ประตูนำห่าง 2-0 ในเกมพบกับ เลสเตอร์ เมื่อ แซร์จ ออริเย่ร์  ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย แต่สุดท้ายผู้ตัดสิน พอล เทียร์นี่ย์ ไม่ให้เป็นประตู หลังใช้ วีเออาร์ ช่วยตัดสิน และมองว่า ซน ฮึง-มิน อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อน สุดท้าย "ไก่เดือยทอง"แพ้ "เดอะ ฟ็อกซ์ 1-2

    หลังเกมดังกล่าว เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นายใหญ่สเปอร์ส ยอมรับเองว่าประตูที่โดน "วีเออาร์" ยึดเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะหากทีมขึ้นนำห่างผลการแข่งขันคงเปลี่ยนไปจากนั้น

5. ซาลาห์-มาเน่ ฟอร์มแผ่ว
    เกมนี้หากไม่รับจังหวะทำประตูของ ฟีร์มีโน่ ต้องยอมรับว่าสามประสาน "หินเหล็กไฟ" หรือ "เอสเอ็มเอฟ" ฟอร์มค่อนข้างเงียบ

    ซาดิโอ มาเน่ กับ โม ซาลาห์ เคยสร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับคู่แข่งมาแล้วทั้งในอังกฤษ และทั่วแคว้นแดนยุโรปในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่หลังจากที่แพ้ในเมืองเนเปิ้ลส์ ต้องยอมรับว่าลีลากระชากลากเลื้อยของทั้งคู่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนักในเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์

    ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยน มาเน่ ออก โดยส่ง เจมส์ มิลเลอร์ ลงมาแทน เพราะต้องการเล่นให้รัดกุม แต่จริงๆ แล้ว นายใหญ่ชาวเยอรมัน น่าจะเปลี่ยน "บังโม" ออกด้วย เพราะช่วงครึ่งหลัง "คิง ออฟ อียิปต์" ไม่สามารถกดดันเกมรับเจ้าบ้านได้เลย

    อย่างไรก็ตามในเกมที่ สองสตาร์ดังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ "เดอะ เร้ดส์" ยังสามารถเอาตัวรอดด้วยการเก็บ 3 คะแนนสำคัญ แต่กระนั้นหากเป็นไปได้ คล็อปป์ คงอาจต้องติวเข้มทั้ง มาเน่ และ ซาลาห์ เพื่อเรียกฟอร์มสุดยอดกลับคืนมาอีกครั้ง

 

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ บาคาร่า

ศึกษาวิธีการใช้งานเว็บไซต์ บาคาร่า