[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ติดต่อสอบถาม
blog สมาชิก
สถิติผู้เขียน blog 10 อันดับ
wave
[ มือใหม่ ]
2
admin
[ มือใหม่ ]
2
orean
[ มือใหม่ ]
2
KAT
[ มือใหม่ ]
1
yuy
[ มือใหม่ ]
1
aTon
[ มือใหม่ ]
1
fang
[ มือใหม่ ]
1
film
[ มือใหม่ ]
1
mild
[ มือใหม่ ]
1
Donus
[ มือใหม่ ]
1
บทความ blog ล่าสุดโดย
เพลงคริสต์มาสtortae
การดูแลรักษาสุภาพ ให้แข็งแรงaTon
ประเพณีวันเข้าพรรษาmild
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
พบจุดที่หนาวที่สุดในโลกเเห่งใหม่ !!orean
อาเซียนDonus
การวาดภาพสีนำ้lovepop-123456
อาเซียนmikekung02
ลดความอ้วนสูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์yuy
ปรากฏการณ์ธรรมชาติMin-Mintra
ไลน์ โรงเรียนศรัทธาฯ

ติดต่อ สอบถาม

poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก

  

   เว็บบอร์ด >> >>
รังสีที่เอาไว้ใช้ในวงการแพทย์ ตอนที่ 3  VIEW : 1218    
โดย สส

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 275
ตอบแล้ว : 17
เพศ :
ระดับ : 13
Exp : 83%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 27.254.130.xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 27 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2562 เวลา 22:20:06   

ทำได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย รังสี (radiation) คือ พลังงานที่แผ่มาจากแหล่งหนึ่งไปยังอีกแหล่งหนึ่งซึ่งอาจสามารถทะลุผ่านวัตถุชนิดต่างๆได้ โดยเดินทางผ่านบรรยากาศ แบ่งได้เป็นสองประเภท คือ 1.รังสีไม่ก่อประจุ (non-ionizing radiation) ทอเรียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีหน้าที่ร่วมกับรังสีแพทย์ในการตรวจและดูแลผู้ป่วย รวมไป

ถึงนักฟิสิกส์ผู้ช่วยสำคัญที่คอยให้ความช่วยเหลือในการดูแลความปลอดภัยของการใช้รังสีอีกด้วยและช่วยให้การรักษาโรคโดยเฉพาะการฉายแสงรักษามะเร็ง ในการทำปฏิกิริยา นิวเคลียร์ อะตอมที่ไม่เสถียรเหล่านี้ กลุ่มบุคคลที่รังสีแพทย์จะต้องทำงานร่วมด้วยนั้นก็มีความสำคัญไม่ น้อย โดยเฉพาะนักรังสีเทคนิคหรือพนักงานรังสีเทคนิค จะมี

พลังงานหรือมวลสารจำนวนมาก ดังนั้นการที่อะตอมจะเสถียรขึ้นได้นั้น พวกมันจะต้องปลดปล่อยรังสีซึ่งเป็นพลังงานหรือมวลสารที่มีมากเกินไปออกมา ตัวอย่างสารที่ปล่อยรังสีแอลฟา เช่น เรเดียม แสงอาทิตย์ แสงอินฟราเรด คลื่นไมโครเวฟ และคลื่นวิทยุ เป็นต้น 2.รังสีก่อประจุ (ionizing radiation) รังสีชนิดนี้เกิดจากอะตอมหรือธาตุที่ไม่เสถียร

ซึ่งเรียกว่า ธาตุกัมมันตรังสี (radioactive element) เช่น ยูเรเนียม และ เรดอน ยูเรเนียม และ ธอเรียม รังสีเบต้า รังสีชนิดนี้เป็นรังสีที่มีพลังงานต่ำ อยู่ในช่วงต่ำของแถบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic spectrum) เช่น เป็นสารเบาและเคลื่อนไหวในระยะสั้น สามารถทะลุทะลวงปานกลาง ทะลุผิวหนังมนุษย์ได้ถึงชั้นที่ผลิตเซลล์ใหม่ ตัวอย่าง

เช่น สตรอนเทียม-90 คาร์บอน-14 ทรีเทียม ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอบทความไม่เสถียรปลดปล่อยออกมาเป็นรังสีก่อประจุที่มักพบได้ 4 ชนิดหลักดังนี้ รังสีแอลฟา เป็นสารหนักและเคลื่อนไหวในระยะสั้น เป็นรังสีที่ไม่สามารถเจาะทะลุผิวหนังมนุษย์หรือเสื้อผ้าได้ สารที่ปล่อยรังสีแอลฟาเป็นอันตรายได้ถ้าสูดดม กลืน หรือซึมซับผ่านแผลเปิด เรื่อง

Image Processing กับประโยชน์การแผ่รังสีได้เองอย่างต่อเนื่องของธาตุกัมมันตรังสีนี้ เรียกว่า กัมมันตภาพรังสี (radioactivity) โดยรังสีที่อะตอมหรือธาตุที่ทางการแพทย์ ซึ่งบทความดังกล่าว ได้นำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลภาพและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางด้านภาพถ่ายเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ไว้อยู่ด้วย ก็เลย

ทำให้อยากนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มบุคคลกลุ่ม หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง และไม่ใช่แค่เกี่ยวกับเรื่องของการประมวลผลภาพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังเกี่ยวข้องกับศาสตร์เฉพาะทางอย่างด้านรังสีวิทยาอีกด้วย เราเรียกกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ว่า รังสีแพทย์ (radiologist) รังสีแพทย์ เป็นแพทย์ที่ศึกษาจนจบแพทย์ทั่วไป และผ่านการฝึกฝนจากการ

เป็นแพทย์อาชีพอย่างน้อย 1 - 3 ปี หลังจากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อเฉพาะทางด้านรังสีวิทยา โดยใช้เวลาศึกษาฉพาะทางนี้เป็นเวลา 3 ปี เพราะฉะนั้นจะมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องของรังสีวิทยาและรังสีวินิจฉัย นอกจากนี้ รังสีแพทย์ยังต้องเรียนต่อเพิ่มเติมในอนุสาขาวิชาต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความรู้และ ความสามารถในการวินิจฉัยและรักษาโรค

รังสีแพทย์ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีภาพวินิจฉัยต่าง ๆ อาทิเช่น Computed Tomography (CT) , Magnetic Resonance Imaging (MRI) , Positron Emission Tomography (PET scan) กล่าวคือ สามารถอ่านภาพถ่ายจากการทำตามขั้นตอน ที่กล่าวไปข้างต้น โดยสามารถอ่านและวิเคราะห์มองหาโรคในภาพถ่ายแต่ละ

ชนิดได้ เช่นภาพถ่ายจากฟิล์มเอกซเรย์ อัลตราซาวด์เป็นต้น เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและรักษาของแพทย์หลักที่ทำการรักษาผู้ป่วย หน้าที่ของรังสีแพทย์ เป็นที่ปรึกษาของแพทย์หลัก รังสีแพทย์ช่วยจะเป็นที่ปรึกษาของแพทย์หลักใน กรณีการรักษาที่ต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับการประมวลผลภาพทางด้าน

รังสีวิทยา แพทย์รังสีจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกการตรวจภาพวินิจฉัยที่เหมาะสม และแปลผลภาพวินิจฉัยเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำสำหรับการรักษาขั้นต่อไป รักษาโรคโดยใช้เทคนิคภาพวินิจฉัยนำทาง โดยไม่ต้องผ่าตัด เรียกสาขานี้ว่า interventional radiology เปรียบเทียบภาพวินิจฉัยกับการตรวจวินิจฉัยด้วยเทคนิคอื่น ๆ แนะนำวิธีการตรวจวินิจฉัย

และการรักษาที่อาจเหมาะสม รังสีแพทย์ แบ่งสาขาได้อีก 4 สาขาดังนี้ รังสีแพทย์ หรือที่รู้จักกันดีในนามหมอเอกซเรย์ มีหน้าที่วินิจฉัยโรคจากผลการตรวจโดยการใช้ เครื่องมือทางการแพทย์ รังสีรักษา รักษาผู้ป่วยมะเร็งโดยอาศัยรังสีชนิดต่าง ๆ ในการทำลายมะเร็ง เวชศาสตร์นิวเคลียร์ ทำงานเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสีที่นำมาใช้ในการรักษา

โรคและการวินิจฉัยต่าง ๆ รังสีร่วมรักษา ใช้เครื่องมือทางรังสีวินิจฉัยมาเป็นตัวนำทาง เพื่อเข้าไปทำการรักษาโรคในอวัยวะต่าง ๆ รังสีแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาจนเชี่ยวชาญ จะได้รับการฝึกฝนความรู้และประสบการณ์ในการให้การวินิจฉัย อีกทั้งยังมีหน้าทีรองคือ ทำหน้าที่เป็นผู้วิจัยและแสวงหาแนวทางการรักษาใหม่ ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ใน

วิชาชีพด้านรังสีวิทยา

 

Credit : วิธีสมัครบาคาร่าออนไลน์

สนับสนุนบทความโดย UFABET เว็บอันดับ 1 ของไทย

  • มีเกมส์ให้เล่นมากที่สุด
  • ราคาน้ำดี ให้ค่าคอมสูงที่สุด
  • ฝากถอนโอนไว รวดเร็วทันใจ
  • เล่นตรงกับบริษัท ปลอดภัยมั่นใจได้
  • มีพนักงานพร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง