สำหรับคนจำนวนไม่น้อยที่พึ่งเริ่มดำเนินการอย่างแรกๆที่อยากได้มาครองก็คือ “บัตรเครดิต” เพราะว่านอกเหนือจากจะได้สิทธิพิเศษจากส่วนลดเยอะมาก ได้ใช้เงินจากอนาคตที่เรียกว่า “เครดิต” แล้ว คนจำนวนไม่น้อยบางครั้งอาจจะเห็นว่ามองหรูหรามีความน่าไว้ใจอีกด้วย ผมมีบัตรเครดิตใบแรกตอนอายุ 25 ปี เวลานี้มีฐานค่าจ้างรายเดือนโดยประมาณ 17,000 บาท โดยการทำบัตรกับแบงค์ที่จ่ายค่าแรงเลยค่อนจะผ่านง่ายหน่อย

ทีแรกๆๆของแนวทางการทำบัตรเครดิตทุกคนก็จะมีความหวาดกลัวว่าจะขอไม่ผ่าน แม้กระนั้นเมื่อผ่านแล้วชอบมีคำบอกเล่าที่ว่า “บัตรเครดิต ใบเดียวไม่เคยเพียงพอ” บางบุคคลมีบัตรดูเหมือนจะทุกแบงค์ บางบุคคลมีเกือบทุกระบบ วีซ่า, มาสเตอร์, JCB, Union Pay ต่อให้ Amex สำหรับผม ผมเลือกให้มีครบทุกระบบเพราะว่าสิทธิพิเศษที่ต่างกันออกไป รวมถึงโปรโมชั่นในแต่ละตอน โดยใช้ 3 แบงค์ที่เป็นบัญชีหลัก รวมทั้งเมื่อพวกเรายืม “เครดิต” หรือ “เงินจากอนาคต” ก็ย่อมจำต้องจ่ายคืน แล้วพวกเราควรจะจ่ายคืนแบบไหน

โดยมากก็จะมีอยู่ 3 จำพวกร่วมกันเป็น จ่ายเต็มปริมาณ จ่ายอย่างน้อย แล้วก็ผ่อนหนี้ ซึ่งก็จะต้องเลือกตามสมควรในแต่ละตอน และก็ข้อแม้โปรโมชั่นต่างๆเพราะเหตุว่าบัตรเครดิตนั้นมีดอกเบี้ยที่นับว่าออกจะสูงแม้พวกเราผิดนัดจ่าย รวมทั้งผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยก็ก้าวเข้าสู่วงจรหนี้สินบัตรพลาสติกจนกระทั่งสินเนื้อประดาตัว

ขอเริ่มจากแบบแรกก่อน เป็น จ่ายเต็มปริมาณ อันนี้เป็นแนวทางที่ผมเลือกใช้กับบัตรใบหนึ่งที่ผูกกับค่าตอบแทนรายเดือน สิ่งที่จะเป็นกลเม็ดกล้วยๆก็คือพวกเราจำต้องเขียนแล้วก็เก็บสลิปข้างหลังทำธุรกรรมไว้ทุกหน ด้านหนึ่งเพื่อเช็คความถูกต้องแน่ใจของยอดต่างๆอีกด้านหนึ่งก็เพื่อฝึกฝนระเบียบการคลัง

ยกตัวอย่าง พวกเราทราบดีว่ามิถานายนก่อนหน้าที่ผ่านมาพวกเราใช้ไป 7,500 บาท วันตัดบัตร 1 ก.ค.มีช่วงเวลาจ่ายถึง 16 เดือนกรกฎาคม หมายความว่ายอดเงินที่จะหักจากบัญชี 7,500 บาทจะกำเนิดในวันที่ 16 เดือนกรกฎาคม ด้วยเหตุนั้นพวกเราควรมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีให้พอเพียง มิเช่นนั้นบัตรตัดน้อยเกินไปแล้วจะติดหนี้ติดสินยกยอดที่คิดดอกเบี้ยอีกด้วย

ส่วนจำพวกลำดับที่สอง ที่คนจำนวนไม่น้อยใช้กันก็คือ “การจ่ายยอดอย่างน้อย” ประเด็นนี้ขอให้คิดเสมอว่ามันก็เช่นเดียวกับการผ่อนคลายจ่ายแบบมีดอกเบี้ย ซึ่งในแต่ละบัตร แต่ละโปรโมชั่นมีความไม่เหมือนกันไป จำเป็นต้องมองโปรโมชั่นบัตรนั้นๆเรื่องจริงที่ปวดที่ใครหลายๆคนไม่ทราบก็คือ “พวกเราถูกคิดดอกเบี้ยเมื่อวันที่พวกเรารูดซื้อ ไม่ใช่วันที่ตัดบัตร” แล้วก็ดอกจะคิดจากยอดที่ติดหนี้ แล้วก็ยอดรายจ่ายที่เกิดขึ้นในรอบบัญชีนั้น

ความหนักของภาระหน้าที่ยังไม่จบ แม้พวกเรายังมียอดค้างชำระ ยอดใช้จ่ายใหม่ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยไปด้วย พูดได้ว่าลูกหนี้บัตรเครดิตรายใหญ่โดยมากจะมาจากกรุ๊ปจ่ายยอดอย่างต่ำเพราะว่าส่วนใดส่วนหนึ่งคือการใช้จ่ายเกินกำลังกับสมรรถนะสำหรับการจ่ายหนี้คืน อาทิเช่น ค่าตอบแทนรายเดือน 15,000 บาทแม้กระนั้นหักลบกลบหนี้แล้วเหลือเงิน 3,000 บาท แม้กระนั้นใช้บัตรเครดิตเดือนนั้นไป 5,000 บาทนี่เป็นการนับหนึ่งภาระหน้าที่หนี้สิน ย่อมมีความหมายว่าหากไม่ได้อยากหามดอกเดือนถัดไป พวกเราจำเป็นต้องจ่ายยอดที่ใช้ในเดือนต่อไป + ยอดค้างชำระเดือนที่ผ่านมา + ดอกครับ

ส่วนแบบในที่สุดก็คือ “การคลายจ่าย” จะเรียกว่าเป็นแนวทางซึ่งสามารถเข้าไปอยู่ได้ทั้งยัง “การจ่ายเต็มปริมาณ-การจ่ายอย่างต่ำ” แต่ว่าเป็นการที่แบงค์นั้นตกลงกับผู้ครอบครองสินค้านั้นว่าให้มีการผ่อนขึ้น โดยไปตกลงดอกแล้วก็ค่าธรรมเนียมกันว่าจะอยู่ที่มากแค่ไหน แล้วผู้ใดกันแน่จะเป็นคนรับภาระดอก บางโอกาสบริษัทต่างๆมากมายก็อยากเพิ่มเจ๋งเลยออกโปรโมชั่น 0% กับบัตรเครดิตแบงค์นั้นๆโดยพวกเราจ่ายอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน

ได้แก่ พวกเราซื้อโทรทัศน์ 10,000 บาท ผ่อน 0% 4 เดือน ก็มีความหมายว่าในแต่ละเดือนพวกเรามียอดที่จำเป็นต้องจ่ายอยู่ที่ 2,500 บาทปริมาณ 4 เดือน ไม่รวมกับที่พวกเราไปรูดอื่นๆซึ่งปัญหามันกำเนิดตรงที่ว่าหลายท่านวิ่งผ่อนหลายรายการจนถึงจำยอดมิได้ว่าพวกเรามียอดผ่อนจากผลิตภัณฑ์มากแค่ไหน ชี้แนะให้เขียน แล้วก็ตอนระหว่างผ่อนอย่าพึ่งไปเพิ่มภาระหน้าที่สำหรับในการรูดซื้อผลิตภัณฑ์อื่นๆก็จะก่อให้พวกเราไม่มีภาระหน้าที่ที่หนักเกินความสามารถมากมายไปนะ บัตรเครดิตจะมีคุณภาพที่สุดก็คือพวกเราใช้เงิน อย่ามอบเงินใช้พวกเรา

Credit : เงินด่วนโอนเข้าบัญชี24ชั่วโมง2019

สนับสนุนโดย UFABET เว็บอันดับ 1 ของไทย

- มีเกมส์ให้เล่นมากที่สุด
- ราคาน้ำดี ให้ค่าคอมสูงที่สุด
- ฝากถอนโอนไว รวดเร็วทันใจ
- เล่นตรงกับบริษัท ปลอดภัยมั่นใจได้
- มีพนักงานพร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง