เศรษฐกิจของมาเลเซียไม่ค่อยดี คำนี้พวกเราคงจะได้ยินคนจำนวนไม่น้อยบอกกัน แม้กระนั้นหนึ่งในเรื่องที่ฉาวโฉ่ของมาเลเซียในตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาก็คือ

เงินของกองทุน 1MDB หายไปกว่า 100,000 ล้านบาท ว่ากันว่านี่เป็น การปล้นเงินเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ประเทศมาเลเซีย หัวข้อนี้ฉาวโฉ่ยังไง

หลายประเทศในโลกนี้ จะมีกองทุนความรวยแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อนำเงินของรัฐไปลงทุนหาผลตอบแทนให้แก่ประเทศ 1Malaysia Development Berhad (1MDB) เป็นเลิศในกองทุนความมั่งมีแห่งชาติ ของประเทศมาเลเซีย

1MDB ถูกตั้งในปี 2009 ยุครัฐบาล ที่นาจิบ ราซัก โดยอยู่ภายใต้การดูแลดูแลของกระทรวงการคลังมาเลเซีย กองทุนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเงินมาใช้การปรับปรุงเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย โดยเน้นลงทุนในแผนการต่างๆในหลายธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว เพื่อนำผลกำไรกลับเข้ามาปรับปรุงประเทศ

รวมทั้งพัฒนากรุงกัวลาลัมเปอร์ให้เป็นศูนย์กลางด้านการเงินของภูมิภาค และก็ให้ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศที่มีรายได้สูงข้างในปี 2020 สำหรับกองทุน 1MDB นั้นมิได้ใช้ทุนสำรองระหว่างชาติมาเป็นเงินกองทุน

กองทุนนี้มีเงินขึ้นต้นจากรัฐบาลมาเลเซียเพียงแต่ 7.5 ล้านบาท รวมทั้งใช้แนวทางกู้หนี้ยืมสินจากต่างแดน เมื่อใช้แนวทางกู้เงิน กองทุนก็มีภาระหน้าที่ดอกการกู้ยืมที่จำต้องจ่ายให้กับเจ้าหนี้ ในปี 2014 กองทุนรายงานผลขาดทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยบอกเหตุผลว่า มีภาระหน้าที่ดอกจ่ายสูง เนื่องมาจากมีหนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยในปี 2015 หรือเพียงแต่ 6 ปีข้างหลังการจัดตั้งกองทุน หนี้สินของกองทุนมีมากยิ่งกว่า 372,000 ล้านบาท ในปี 2016 หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ได้เผยออกมาว่าแผนการต่างๆที่ 1MDB ไปลงทุน โดยยิ่งไปกว่านั้นในธุรกิจน้ำมัน รวมทั้งอุตสาหกรรมเหมืองที่ต่างแดนนั้น มิได้สร้างผลกำไรเลย เพียงพอเรื่องเป็นอย่างนี้ คณะทำงานพิเศษสอบสวนกรณีโกง 1MDB ก็เลยเริ่มตั้งเรื่องที่น่าสงสัย แล้วก็เริ่มสำรวจว่า เงินกองทุนนั้นมีการไปลงทุนที่แห่งไหนบ้าง

ซึ่งจากการตรวจตรากลับต้องมาพบว่า เงินเล็กน้อยมิได้มีการลงทุนตามเป้าประสงค์ของกองทุน ที่ทรามกว่านั้นเป็น เงินปริมาณกว่า 21,100 ล้านบาท กลับถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของ ทุ่งนาจิบ ราซัก นายกฯมาเลเซียตอนนั้น ในเวลาถัดมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกล่าวมาว่า เงินนาจิบ ราซัก โกงจาก 1MDB โดยผ่านการฟอกเงินที่แบงค์ต่างถิ่นนั้นมีไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่า 100,000 ล้านบาท โดยเงินพวกนั้นถูกนำไปจับจ่ายซื้อของใช้หรูหรา สุรุ่ยสุร่ายแก่ตัวเอง รวมทั้งครอบครัว

เพียงพอเรื่องเป็นอย่างนี้ ก็เลยมีการต่อต้านครั้งใหญ่ในมาเลเซียเพื่อบีบคั้นให้เขาลาออก แต่ว่าเขายังคงใช้อำนาจทางด้านการเมืองปลดอีกทั้งอัยการสูงสุด แล้วก็จัดแจงเสียงวิภาควิจารณ์ โดยปิดสื่อต่างๆไม่ให้เปิดเผยเรื่องดังที่กล่าวถึงมาแล้ว จนถึงทำให้ข้างต้านทานเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยและอย่างที่ทุกคนคาด ในปี 2018 เขาปราชัยการเลือกตั้งต่อมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกฯคนปัจจุบันนี้

ซึ่ง 2 เดือนข้างหลังแพ้การเลือกตั้ง ที่นาจิบ ราซัก ถูกคณะกรรมการคุ้มครองรวมทั้งปราบการคดโกงแห่งชาติของมาเลเซียจับตัว เพื่อสวบสวนกรณีคดโกงกองทุน 1MDB จบท้ายด้วยข้อมูลที่น่าดึงดูด

ถ้าหากมีความรู้สึกว่ากองทุน 1MDB เป็นตัวอย่างของความผิดพลาดของกองทุนความร่ำรวยแห่งชาติ ก็บางทีอาจไม่ใช่เสียรู้เดียว เพราะเหตุว่าอันที่จริงแล้วมาเลเซียยังมีกองทุนความรวยแห่งชาติอีกกองหนึ่งชื่อว่า Khazanah Nasional ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี 1993 ในปี 2018 กองทุนนี้เติบโตขึ้นกระทั่งมีทรัพย์สินภายใต้การจัดการจัดแจงสูงถึง 1.02 ล้านล้านบาท ซึ่งพูดได้ว่าเป็นกองทุนขนาดใหญ่ โดยกองทุนนี้ได้ลงทุนในธุรกิจของประเทศมาเลเซียหลายที่ เป็นต้นว่า

CIMB Group สถาบันการเงินครบวงจรของมาเลเซีย ที่มีสาขาในประเทศไทยด้วยเหมือนกัน Axiata Group และก็ Telekom Malaysia บริษัทติดต่อสื่อสารยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย Malaysia Airports Holdings แล้วก็ Malaysia Airlines ท่าอากาศยาน รวมทั้งสายการบินแห่งชาติของมาเลเซีย IHH Healthcare โครงข่ายโรงหมอใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย

Credit : หวยออนไลน์ หวยหุ้น ครบวงจรเรื่องการพนัน

สนับสนุนโดย UFABET เว็บอันดับ 1 ของไทย
- มีเกมส์ให้เล่นมากที่สุด
- ราคาน้ำดี ให้ค่าคอมสูงที่สุด
- ฝากถอนโอนไว รวดเร็วทันใจ
- เล่นตรงกับบริษัท ปลอดภัยมั่นใจได้
- มีพนักงานพร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง