นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 18 เดือนที่เจ้าของสโมสรคนดังเข้ามาชมเกมในสนาม เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ได้ดู แฟร้งค์ แลมพาร์ด คุมทีมในสนามจริงๆ เหตุผลก็มาจากความตึงเครียดระหว่างสองประเทศทำให้ทาง “เสี่ยหมี” ไม่ได้วีซ่าเข้าอังกฤษนั่นเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูที่ได้ล้วนมาจากแนวรุกทั้งหมด ซึ่งเป็นที่เหล่าสาวกสิงโตน้ำเงินอยากเห็นกันมากที่สุด หลังจากที่ลงทุนไปไม่น้อยในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อันที่จริงอย่างน้อยทีมน่าจะได้ประตูมากว่านี้อีกสักลูกหาก จอร์จินโญ่ ไม่ยิงจุดโทษพลาดตั้งแต่ก่อนที่ทีมจะได้ประตู
เกมนี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ปรับมาเล่นในระบบ 4-2-3-1 อีกครั้ง เอดูอาร์ เมนดี้ ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แบ็คขวาให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ได้ทำหน้าที่ ส่วนคนที่เหลือเหมือนเดิมทั้ง ติอาโก้ ซิลา, คูรืท ซูม่า และ เบน ชิลเวลล์
แดนกลาง จอร์จินโญ่ กับ มาเตโอ โควาซิช ตัดเกม แนวรุกใช้ ไค ฮาแวร์ตซ์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย และ ฮาคิม ซิเย็ค เป็นสามประสานแนวรุกหลัง ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าตัวเป้า
คราสโนดาร์ อาจจะเปิดฉากได้วูบวาบในช่วงแรกกับช่วงหลังจากที่ จอร์จินโญ่ พลาดจุดโทษ แต่ว่าหลังจากนั้น เชลซี ก็ค่อยๆแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
teatropapozze.com